จุดจบ หรือ จุดเปลี่ยน John Wick: Chapter 4 การกลับมาของแฟรนไชส์-แอ็กชันอันดับ 1

การกลับมาของแฟรนไชส์-แอ็กชันอันดับ 1 จากกระแสฟีเวอร์ยาวนานกว่า 9 ปี ยกระดับโลกนักฆ่า สู่ผลงาน The Next Level ที่อาจเป็น ‘จุดจบ’ หรือ ‘จุดเปลี่ยน’ ของสงครามใน John Wick: Chapter 4 มันส์ก่อนอเมริกา 22 มีนาคมนี้ ข่าวหนังใหม่

เตรียมพบกับการกลับมาของสุดยอดภาพยนตร์แอกชันอันดับ 1 ที่ครองใจแฟนคอหนังทั่วโลกยาวนานกว่า 9 ปี ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นทั้งคำวิจารณ์และรายได้ Box Office จนกลายเป็นต้นแบบของหนังแอกชันหลายต่อหลายเรื่องตลอดเกือบทศวรรษ และในปี 2023 ถึงเวลานับถอยหลังสู่สงครามนักฆ่าครั้งใหม่ ขยายขอบเขตความมันส์ พร้อมอัดแน่นฉากแอกชั่นจัดเต็มกว่าทุกภาค การกลับมาครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับแฟรนไชส์สู่ The Next Level กับภาพยนตร์ที่ทั้งโลกรอคอย John Wick: Chapter 4 จอห์น วิค แรงกว่านรก 4

สำหรับในภาคนี้ John Wick ยังคงได้นักแสดงระดับเทพกลับมาเดือดระห่ำจักรวาลนักฆ่า นำทีมโดยแอ็กชันสตาร์แห่งยุค คีอานูฟ รีฟส์ (จอห์น วิค), เอียน แมคเชน (วินสตัน) และ ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น (บาวเวอรี คิง) และยังระดมทีมนักแสดงมากฝีมือชุดใหม่จากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นแอ็กชันสตาร์ชั้นครู ดอนนี่ เยน จาก IP MAN และ Rogue One, บิล สการ์สการ์ด จาก IT, ฮิโรยูกิ ซานาดะ จาก The Wolverine และ Bullet Train ปิดท้ายด้วยแอ็กชันสตาร์มาแรง ได้รับตำแหน่งผู้หญิงแห่งปีจาก Vogue Japan รินะ ซาวายามะ

John Wick: Chapter 4 จอห์น วิค แรงกว่านรก 4 บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจาก จอห์น วิค (คีอานู รีฟส์) ถูกนักฆ่าทั่วโลกตามฆ่า เขาจึงต้องกลับมาเผชิญหน้า วินสตัน (เอียน แมคเชน) และ บาวเวอริ่ง คิง (ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น) เพื่อหาหนทางปลดปล่อยตัวเองสู่อิสรภาพ แต่เมื่อเส้นทางนักฆ่าของเขายังไม่จบ จอห์นต้องโคจรมาพบกับศัตรูคนใหม่สุดอำมหิต มาร์กีส์ เดอ การมองต์ (บิล สการ์สการ์ด) ขุนนางจากสภาสูงที่มาพร้อมกับเดิมพันที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญบนเส้นทางนักฆ่าของจอห์น วิค โดยที่ชัยชนะในครั้งนี้อาจพาเขาเข้าใกล้สภาสูงมากที่สุด แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายเมื่อจอห์นกลับต้องมาต่อสู้กับสหายเก่าอย่าง เคน (ดอนนี เยน) และ ชิมาสึ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ) คู่ปรับที่ฝีมือสูสี ที่ต้องให้ความตายเป็นตัวตัดสิน

สงครามนักฆ่าครั้งนี้จะต้องกลายเป็นจุดจบหรือจุดเปลี่ยน แฟนๆ ชาวไทยจะได้ร่วมเป็นพยานมหากาพย์แค้นครั้งนี้ไปพร้อมกับผู้ชมทั้งโลก นับถอยหลังสู่ John Wick: Chapter 4 จอห์น วิค แรงกว่านรก 4 - 23 มีนาคมนี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

ผมจะกลับมาแน่! Jeremy Renner เผยเทคโนโลยีการบำบัดที่เขาใช้หลังจากเกิดอุบัติเหตุ

หลายคนเป็นห่วงอาการของ Jeremy Renner ว่าจะสามารถกลับมาแข็งแรงได้อีกเมื่อไหร่ และจะกระทบต่อผลงานที่ถ่ายค้างไว้หรือไม่ ล่าสุดเขาได้เปิดเผยเทคโนโลยีที่ช่วยในการฟื้นฟูที่ทันสมัย ซึ่งเขาใช้ในการฟื้นตัวจากอุบัติเหตุรถกวาดหิมะที่เขาประสบเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ เขาโพสต์คลิปใน Instagram ว่าเทคโนโลยีอันนี้มันเจ๋งมากๆ และช่วยให้แฟนๆ หายห่วงเนื่องจากคลิปถูกโพสต์ประกอบกับเพลงสนุกๆอย่าง Lady Madonna ของวง The Beatles ดูหนังใหม่ 2023

ในคลิปจะเห็นเครื่องมืออันทันสมัยนี้ติดอยู่กับขาขวาของเขา โดยใช้ตัวดูดยึดติดกับขา และดูเหมือนว่าเขากำลังเขย่าขาขณะที่มันทำงาน ไม่ปรากฏบาดแผลให้เห็นบนขาของเขาแต่อย่างใด เขาได้รับการดูแลอย่างดีจากคุณแม่และน้องสาวของเขาเอง ซึ่งการรักษาและฟื้นฟูยังคงต้องใช้เวลาพอสมควร มีการคาดการณ์ว่าอาจใช้ระยะเวลากว่า 1-2 ปี ซึ่งเราก็คงได้แต่ภาวนาว่าอุปกรณ์อันทันสมัยที่ Jeremy Renner ได้ใช้อยู่นี้จะสามารถทำให้เขากลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น

ย้อนกลับไปเมื่อวันแรกของปี 2023 มีรายงานว่า Renner ประสบอุบัติเหตุขณะกำลังขับรถไถหิมะใกล้บ้านของเขาในเมือง Reno รัฐเนวาดา เขาถูกส่งตัวทางเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หลังจากเหตุการณ์นั้น ผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้เผยว่า รถ Snowcat น้ำหนัก 14,000 ปอนด์ของเขาชนเข้าที่ด้านขวาของหน้าอกของเขา และยังส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะ

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยว่า Renner ได้รับบาดเจ็บขณะพยายามช่วยเพื่อนบ้านที่ติดอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ นั่นแปลว่าเขาเป็นฮีโร่ทั้งในจอและนอกจอจริงๆ โดย Jeremy Renner นั้นคือผู้รับบท Clint Barton หรือ Hawkeye ในหนัง Marvel Cinematic Universe และยังมีหนังและซีรีส์อีกบางเรื่องที่เขายังถ่ายทำค้างอยู่

ขอสู้อีกครั้ง Hellboy ฉบับ Reboot ครั้งที่สาม โดยผู้กำกับ Crank

แม้ว่า Hellboy ฉบับปี 2019 ที่รับบทโดย David Harbour จะไม่ประสบความสำเร็จในแบบที่ผู้กำกับ Guillermo Del Toro กับ Ron Perlman ผู้รับบท Hellboy คนเก่าเคยทำไว้ แต่ทางต้นสังกัด Millennium Media ผู้ถือครองลิขสิทธิ์เรื่องนี้ก็ยังไม่ถอดใจ โดยล่าสุดได้ออกมาประกาศเตรียมสร้าง Hellboy ฉบับใหม่ และจะได้ Mike Mignola ผู้แต่งการ์ตูนเรื่องนี้มารับหน้าที่ดูแลบทและงานสร้าง ซึ่งไม่น่าจะมีใครรู้จักเจ้าอสูรแดงตัวนี้เท่าเขาอีกแล้ว

หนังฉบับใหม่จะใช้ชื่อว่า Hellboy: The Crooked Man ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับหนังสือการ์ตูนเล่มดังปี 2008 ซึ่งเนื้อหาหนังฉบับใหม่นี้จะพาคนดูไปติดตาม Hellboy และเจ้าหน้าที่ BRPD มือใหม่ พวกเขาพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับคดีหนึ่งในชนบทของ Appalachia ในช่วงปี 1950 และเผชิญหน้ากับ Crooked Man ชายผู้ฟื้นจากความตายด้วยสัญญาปิศาจ

ประธานของ Millennium Media กล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ในแถลงการณ์ว่า “The Crooked Man เป็นการถอดถอนตัวเองออกจากหนัง Hellboy ก่อนหน้านี้ทั้งหมด ซึ่งในที่สุด Mike Mignola และผู้สร้างการ์ตูนเรื่องนี้จะถ่ายทอดเรื่องราวและตัวละครของเขาในรูปแบบหนัง นี่เป็นครั้งแรกในซีรีส์ที่จะดึงดูดผู้ชมด้วยวิธีที่คุ้นเคย ผู้กำกับใหม่ Brian Taylor เป็นผู้เชี่ยวชาญรอบด้าน และเราก็คิดไม่ออกว่าจะมีใครที่ดีกว่านี้ในการทำให้เรื่องราวนี้มีชีวิตขึ้นมาเพื่อแสดงให้ผู้ชมของเราได้เห็นถึงความแตกต่างของหนัง Hellboy ที่เป็นต้นฉบับ”

Brian Taylor ผู้นี้เคยกำกับหนังมันๆอย่าง Crank 1-2 , Gamer , Jonah Hex และ Ghost Rider: Spirit of Vengeance และกำลังจะมีการคัดเลือกผู้ที่จะมารับบท Hellboy คนใหม่ ซึ่งนักแสดงที่เคยรับบทนี้ทั้งสองคนอย่าง Ron Perlman ก็แก่เกินแกง ส่วน David Harbour นั้นก็ปฏิเสธที่จะกลับมารับบทนี้เช่นกัน

เตรียมฮาเหงือกบวมกับ ปืนเปลือย ฉบับ Reboot นำโดย Liam Neeson

คุณจำหนังอย่าง The Naked Gun ได้หรือไม่ นี่คือตำนานหนังตลกแอ็คชั่นปลายยุค 80 เรื่อยมาจนถึงยุค 90 ที่นำแสดงโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ผู้ล่วงลับ Leslie Nielsen แน่นอนว่าคนรุ่นใหม่หลายคนคงแทบไม่รู้จัก แต่หากคุณมีอายุ 35-40 ขึ้นไปคุณจะพากันร้องอ๋อทันที ชื่อไทยอย่าง ปืนเปลือย คือความทรงจำฮาเหงือกบวมของใครหลายๆคน

The Naked Gun เริ่มจากการเป็นหนังสั้นล้อเลียนทางทีวีอย่าง Police Squad! แล้วถูกต่อยอดให้เป็นหนังใหญ่ ที่สร้างติดต่อกันถึง 3 ภาค คือ The Naked Gun: From the Files of Police Squad! (1988) / The Naked Gun 2½: The Smell of Fear (1991) / Naked Gun 33+1⁄3: The Final Insult (1994) แต่ละภาคเป็นหนังทุนต่ำที่ใช้พลังดาราของ Leslie Nielsen จนมันทำรายได้ถล่มทลาย

และมันถึงเวลาแล้วที่มันจะถูก Reboot ใหม่ กับตัวละครใหม่ที่จะรับบทโดย Liam Neeson ข่าวว่าจะรับบทเป็นลูกชายของ Frank Drebin ที่รับบทโดย Leslie Nielsen ซึ่งจะถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่ตัวย่อชื่อของเขาคือ LN เหมือนกันกับ Leslie Nielsen

แต่ความน่าสนใจคือนี่จะเป็นการ Reboot โดยผู้กำกับสายฮา Seth MacFarlane จากหนังหมีสุดทรามอย่าง Ted ซึ่งเคยร่วมงานกับ Liam Neeson มาแล้วใน A Million Ways to Die in the West ในปี 2014 โดยจะสร้างภายใต้สตูดิโอ Paramount Pictures ทั้งนี้ Liam Neeson ได้ออกมาพูดถึงความเคลื่อนไหวในโปรเจ็กต์นี้ว่า " ผมเข้าไปหา Seth MacFarlane เขาและทีมงานของเขากำลังทำงานเกี่ยวกับบทหนัง ดังนั้นเราหวังว่าจะเริ่มกันในช่วงฤดูร้อน "

ทำไมต้องเป็น Liam Neeson ชายผู้ที่เคยผ่านงานดราม่าระดับรางวัลมาแล้วอย่าง Schindler's List ซึ่งต่อมาเขาได้เปิดตัวในฐานะแอ็คชั่นสตาร์รุ่นลุงกับหนังแอ็คชั่นสุดเซอร์ไพรส์ Taken ที่ประสบความสำเร็จจนส่งให้ Liam Neeson กลายมาเป็นดาราแอ็คชั่นที่มีผลงานแนวๆนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ในยุคหลังๆ Liam Neeson อาจมีภาพจำในบทซ้ำๆจนทำให้หนังของเขาเริ่มถอยความนิยมลง

มันน่าสนุกตรงที่การ Reboot อาจจะมีโทนของหนังที่จริงจังขึ้น แต่เปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะ มันจะถูกขับเคลื่อนด้วยพลังดาราของ Liam Neeson และการสร้างสรรค์ด้วยมุกตลกห่ามๆของ Seth MacFarlane ซึ่งนั่นมันอาจจะทำให้นี่กลายเป็นโปรเจ็กต์ทองที่ทุกคนรอคอยก็เป็นได้

Steven Spielberg กล่าวกับ Tom Cruise ว่า Top Gun: Maverick ช่วยชีวิต Hollywood ไว้

คงปฏิเสธได้ยากที่ในปี 2022 ที่ผ่านมานั้น Hollywood ต้องประสบกับปัญหาความไม่สมดุลของรายได้หนัง อันที่จริงมันเริ่มมาตั้งแต่ โควิด-19 ระบาด จากนั้นมาก็มีหนังเพียงไม่กี่เรื่องที่สามารถการันตีว่า Hollywood ได้กลับมาอยู่ในจุดที่ผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว เพราะนอกจากหนังซูเปอร์ฮีโร่แล้ว ดูเหมือนหนังแนวอื่นๆอาจจะมีที่ทำรายได้แบบหืดจับ หรือไม่ก็ทำรายได้พอเอาตัวรอดไปได้ หากเทียบกับปริมาณหนังที่ถูกผลิตออกมา ซึ่งถ้ามองโดยภาพรวมแล้วมันค่อนข้างจะไม่สู้ดีนัก ข่าวหนังใหม่

นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคนดูยังคงกลัวกับการเข้าโรงหนัง และอาจรวมไปจนถึงการที่หลายๆคนเริ่มชินกับการรอดูหนังในตรีมมิ่งไปแล้ว แต่การมาของหนังภาคต่ออย่าง Top Gun: Maverick ที่ทำรายได้ไปกว่า 1.48 พันล้านเหรียญทั่วโลก ซึ่งหนังเรื่องนี้ถือเป็นงานแนว Old School ไม่ได้มีตัวเอกที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ หรือมีพล็อตที่ล้ำหน้าอะไร แต่หนังของ Tom Cruise กลับทำให้ผู้คนพร้อมใจกันตบเท้าเข้าไปดู นั่นเพราะพลังดาราของตัว Tom Cruise เอง อาจด้วยความดื้อด้านเล็กน้อยของเขาที่ใช้พลังดาราปฏิเสธสตูดิโอที่จะเอาผลงานของเขาลง VOD หรือ สตรีมมิ่ง เพราะเขาคิดว่าหนังเรื่องนี้ควรรับชมในโรงเท่านั้น แต่พลังดารานั้นอาจยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับงานสร้างที่จริงใจต่อคนดู ชนิดที่ว่าคุณต้องยอมเข้าไปดูกันในโรงหากคิดจะรับชมเรื่องนี้ได้อย่างมีอรรถรส นั่นเป็นข้อบังคับที่คอหนังหลีกเลี่ยงได้ยาก และมันส่งผลให้ Top Gun: Maverick ทำรายได้มโหฬารขนาดนี้

นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคนดูยังคงกลัวกับการเข้าโรงหนัง และอาจรวมไปจนถึงการที่หลายๆคนเริ่มชินกับการรอดูหนังในตรีมมิ่งไปแล้ว แต่การมาของหนังภาคต่ออย่าง Top Gun: Maverick ที่ทำรายได้ไปกว่า 1.48 พันล้านเหรียญทั่วโลก ซึ่งหนังเรื่องนี้ถือเป็นงานแนว Old School ไม่ได้มีตัวเอกที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ หรือมีพล็อตที่ล้ำหน้าอะไร แต่หนังของ Tom Cruise กลับทำให้ผู้คนพร้อมใจกันตบเท้าเข้าไปดู นั่นเพราะพลังดาราของตัว Tom Cruise เอง อาจด้วยความดื้อด้านเล็กน้อยของเขาที่ใช้พลังดาราปฏิเสธสตูดิโอที่จะเอาผลงานของเขาลง VOD หรือ สตรีมมิ่ง เพราะเขาคิดว่าหนังเรื่องนี้ควรรับชมในโรงเท่านั้น แต่พลังดารานั้นอาจยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับงานสร้างที่จริงใจต่อคนดู ชนิดที่ว่าคุณต้องยอมเข้าไปดูกันในโรงหากคิดจะรับชมเรื่องนี้ได้อย่างมีอรรถรส นั่นเป็นข้อบังคับที่คอหนังหลีกเลี่ยงได้ยาก และมันส่งผลให้ Top Gun: Maverick ทำรายได้มโหฬารขนาดนี้

จากการที่หนัง Top Gun: Maverick สามารถจูงมือคนดูให้ลุกจากหน้าทีวีเพื่อเข้าโรงได้นี้ Steven Spielberg ผู้ที่ก็เป็นอีกคนที่พยายามอย่างหนักเพื่อสร้างผลงานและความเชื่อมั่นให้คนดูกลับมาเข้าโรงหนัง แต่อาจยังไม่สามารถทำได้ เมื่อพ่อมดแห่ง Hollywood ได้เจอกับ Tom Cruise ในงานเลี้ยงของผู้เข้าชิง Oscars อย่าง Academy Luncheon ในฐานะที่เคยร่วมงานกันมาในยุคหนึ่งกับหนังอย่าง War of the Worlds (2005) และ Minority Report (2002) พ่อมด Hollywood จึงขอแสดงความนับถือต่อตัว Tom Cruise จากใจจริง นี่คือภาพที่งดงามและทรงพลังที่หน้าประวัติศาสตร์ควรจารึกไว้ Steven Spielberg กล่าวกับ Tom Cruise ว่า “คุณช่วยชีวิต Hollywood เอาไว้ และพูดกันจริงๆเลยว่า Top Gun: Maverick อาจช่วยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งหมดไว้เลยด้วย"

นั่นไม่ใช่คำพูดเกินจริง ถึงแม้ว่า Top Gun: Maverick จะทำรายได้แพ้ให้กับหนังฮีโร่ Marvel อย่าง Spider-Man: No Way Home ที่ทำรายได้ไปกว่า 1.916 พันล้านเหรียญ แต่นั่นมันคือหนัง Marvel ที่มี Spider-man ถึงสามรุ่นรวมในหนังเรื่องเดียว ซึ่ง Tom Cruise ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นก็สามารถพาหนังของเขาก้าวสู่ทำเนียบหนังที่ทำรายได้สูงสุดอันดับที่ 11 ในประวัติศาสตร์ทั่วโลก (ตามอัตราเงินเฟ้อ) โดยรายได้กว่า 718 ล้านเหรียญ คือรายได้ในอเมริกา นั่นจึงทำให้ Steven Spielberg ต้องกล่าวขอบคุณพลังสร้างสรรค์ของ Tom Cruise ด้วยตนเอง

Armie Hammer ตอบสื่อครั้งแรกหลังข้อกล่าวหาเรื่องละเมิดทางเพศและการกินเนื้อคน

หลังจากที่ Armie Hammer นักแสดงหนุ่มฝีมือดีจากหนัง The Man from U.N.C.L.E. และ Call Me by Your Name ถูกปัญหาชีวิตรุมเร้า จากการถูกกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ และเรื่องที่เขาชอบความรุนแรงอย่างเช่นการกินเนื้อคน ซึ่งเขาต้องจำนนด้วยหลักฐาน จนงานในวงการยกเลิกสัญญา และเขาต้องเข้ารับการบำบัด  ดูหนังใหม่ชนโรง

เป็นเวลากว่า 2 ปี ที่เขาเงียบไป ล่าสุดเขาได้ให้สัมภาษณ์กับ Air Mail (ผ่านVariety ) ได้ใจความว่า เขาเคยถูกศิษยาภิบาลในคริสตจักรล่วงละเมิดทางเพศมาตั้งแต่อายุ 13 ปี และเรื่องนี้เขาเคยเล่าให้คนสองคนฟัง หนึ่งในนั้นคือแม่ทูนหัวของเขา

“ สิ่งที่เกิดกับผม มันนำพาเรื่องทางเพศเข้ามาในชีวิตของผมในแบบที่ผมควบคุมไม่ได้โดยสิ้นเชิง....ผมควบคุมมันไม่ได้ในสถานการณ์นี้ ผมไม่มีเอเจนซี่ในสถานการณ์นี้ เรื่องทางเพศได้รับการแนะนำให้รู้จักกับผมอย่างน่ากลัวโดยที่ผมควบคุมไม่ได้ จากนั้นความสนใจของผมก็จดจ่อกับการที่ผมต้องการควบคุมสถานการณ์ทางเพศ ”

ในปี 2021 เขาถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศและมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงจำนวนมาก ซึ่งการกล่าวอ้างดังกล่าวแพร่กระจายไปในโซเชียลมีเดียและทำให้เขาตกเป็นเป้าของสื่อ หลังเกิดเรื่องอื้อฉาว เขาถูก WME ต้นสังกัดของเขาทิ้ง และถูกไล่ออกจากโปรเจกต์มากมาย

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเขาต้องใช้เงิน แต่ไม่มีรายได้เข้ามา เขาได้ทำงานเป็นพนักงานขายไทม์แชร์ในหมู่เกาะเคย์แมน และใช้เวลาอยู่ในศูนย์พักฟื้น ปีที่แล้ว ซีรีส์สารคดีเรื่อง Discovery+ เรื่อง “House of Hammer” ได้บันทึกเรื่องราวความหายนะในชีวิตของ Hammer โดยมีผู้กล่าวหาเขาจำนวนหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนผ่านหน้ากล้อง Armie Hammer เปิดเผยว่าเขาคิดฆ่าตัวตายในขณะที่ชีวิตของเขากำลังคลี่คลาย “ผมแค่เดินออกไปในมหาสมุทรและว่ายออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหวังว่าผมจะจมน้ำ ไม่ก็โดนเรือชน หรือถูกฉลามกิน....แล้วผมก็รู้ว่าลูกๆ ของผมยังอยู่บนฝั่ง และผมจะทำอย่างนั้นกับลูกๆของผมไม่ได้”

Armie Hammer แต่งงานกับ Elizabeth Chambers พิธีกรรายการโทรทัศน์เป็นเวลา 10 ปี และพวกเขาประกาศแยกทางกันก่อนที่จะมีข้อกล่าวหาออกมา ทั้งคู่แบ่งเวลาเพื่อเลี้ยงลูกน้อยสองคน หลังข้อกล่าวหา 2 ปี เขาคิดว่าเขาดีขึ้นแล้วจากการฟื้นฟูและบำบัด เขายังให้เครดิตเพื่อนร่วมวงการรุ่นพี่อย่าง Robert Downey Jr. ที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอดทั้งเรื่องเงินและเรื่องสถานฟื้นฟู ซึ่ง Robert Downey Jr. เองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้เช่นกันเมื่อครั้งยังหนุ่ม แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนในวงการไม่กี่คนเช่นกัน

ซงจุงกิ ประกบ ชเวซองอึน คอนเฟิร์มหนัง My Name is Loh Kiwan จาก Netflix

แฟนคอหนังเตรียมตัวกรี๊ดดดกันได้เลยค่ะ ล่าสุด Netflix ประกาศคอนเฟิร์มไลน์อัปนักแสดงในภาพยนตร์โดย Netflix เรื่องใหม่ My Name is Loh Kiwan โดยได้นักแสดงระดับแนวหน้าอย่าง ซงจุงกิ และ ชเวซองอึน มารับบทนำ แนะนำหนังใหม่ ภาพยนตร์เรื่อง My Name is Loh Kiwan จะเล่าถึงผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือที่หลบหนีออกจากประเทศ และยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยในประเทศเบลเยียมเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เขาได้ตกหลุมรักกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า มารี แต่กลับกลายเป็นว่า เธอคนนี้กลับไม่มีแรงปรารถนาจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไป

ตัวละครผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ โรกีวาน รับบทโดยนักแสดงระดับท็อปของเกาหลีอย่าง ซงจุงกิ ซึ่งเคยรับบทเป็นนักบินมือดีที่เสี่ยงชีวิตตามล่าเก็บซากวัตถุอวกาศในภาพยนตร์โดย Netflix เรื่อง ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล (Space Sweepers) และยังเคยฝากผลงานไว้ในซีรีส์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย (Vincenzo) ซึ่งเขารับบทเป็นทนายที่ฉลาดเฉลียวและมีสไตล์ โดยทำงานเป็นคอนซีเยเรให้กับแก๊งมาเฟีย ไปจนถึงผลงานล่าสุดอย่าง Reborn Rich ที่เขาแสดงถึงสองบทบาทด้วยกัน ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซงจุงกิ จะมารับบทเป็น โรกีวาน ผู้ต่อสู้เพื่อให้ได้สถานะผู้ลี้ภัยในดินแดนห่างไกลอย่างเบลเยียม เพื่อไขว่คว้าให้ได้มาซึ่งอิสรภาพ

ตัวละคร มารี อดีตมือปืนชาวเกาหลีใต้ที่เกิดในเบลเยียม รับบทโดย ชเวซองอึน ซึ่งสร้างชื่อจากผลงานเรื่อง ปมปีศาจ (Beyond Evil) ก่อนเดินหน้าฝากการแสดงสุดประทับใจไว้ในเรื่อง Annarasumanara: โอม รักเอยจงมา (The Sound of Magic) ในภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้ชมจะได้ร่วมลุ้นว่าโรกีวานและมารีจะตกหลุมรักกันได้อย่างไร หลังเผชิญเหตุร้ายในการพบกันครั้งแรก เมื่อโรกีวานเดินทางมาเบลเยียมเพื่อตามหาชีวิตใหม่ที่สวยงาม ในขณะที่มารีกลับรู้สึกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คือไม่ปรารถนาจะต่อสู้กับความเป็นจริงที่โหดร้ายอีกต่อไป

ใบปอ เวิร์กชอปอย่างหนัก เพื่อหนัง เธอกับฉันกับฉัน

อีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยชนโรงที่มีฤกษ์เข้าโรงฉายวันนี้ หนังกระแสดีที่นำแสดงโดย ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์ สาวน้อยผู้เตรียมแจ้งเกิดในภาพยนตร์รักโรแมนติก เธอกับฉันกับฉัน ของผู้กำกับฝาแฝดหญิง วรรณแวว-แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์ โปรดิวซ์โดย โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ค่าย จีดีเอช ข่าวหนังใหม่

ใบปอ ธิติยา เผยว่า “หนูดีใจมากๆ เลยค่ะ ที่รู้ว่าจะได้มาแคสหนังของ จีดีเอช ตื่นเต้นมาก ยิ่งพอรู้ว่าได้เล่นมันเหมือนฝันเลยค่ะว่าเราจะได้ทำงานกับค่ายนี้จริงๆ เหรอ ดีใจได้ไม่เท่าไรก็รู้เลยว่างานยากกำลังจะมาถึงเราละ เมื่ออ่านบทแล้วรู้ว่าเราต้องเล่นเป็นฝาแฝด ยูกับมี หนูรู้เลยว่าเราต้องใช้พลังงานเยอะมาก โชคดีที่พี่วรรณ พี่แวว ให้หนูไปเวิร์กชอป ซึ่งเราเวิร์กชอปกันหนักมาก เพื่อที่จะทำให้คาแรกเตอร์ยูกับมีต่างกัน ยูจะเป็นคนหวานๆ เรียบร้อย ส่วนมีจะเท่ๆ เจ้าเล่ห์นิดๆ ช่วงแรกๆ หนูเล่นไม่ได้เลย กลับบ้านร้องไห้เลย เพราะคิดว่าถ้าเราทำไม่ได้ คนดูแยกตัวละครไม่ออกเราคงรู้สึกแย่มาก หนูเลยพยายามอย่างหนัก ในเมื่อเราได้โอกาสมาแล้วต้องทำให้ดีที่สุด และถ้าเราก้าวข้ามผ่านตรงนี้ได้ เราก็จะเติบโตไปกับตัวละครยูกับมี ซึ่งพอหนูหาวิธีที่จะอยู่กับตัวละครทั้งสองได้ หนูดีใจมาก มากเสียจนทำให้หนูอยากมีฝาแฝดเลยค่ะ เธอกับฉันกับฉัน เป็นหนังที่ทำให้หนูเติบโตขึ้นไปกับตัวละครโดยที่เราไม่รู้ตัว หนูได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำ อย่างเช่น ฝึกเล่นพิณ, ขี่มอเตอร์ไซค์ ได้ทำอะไรหลายอย่างมาก ได้เพื่อนใหม่อย่างโทนี่ ที่ตอนแรกเราไม่คุยกันเลย แต่การเวิร์กชอปทำให้เราทลายกำแพงบางอย่าง จนตอนนี้สนิทกันและเข้าฉากด้วยกันอย่างไม่เคอะเขินเหมือนตอนแรกๆ ได้ทำงานกับพี่กระแต และน้องๆ แก๊งพิณที่น่ารักและตลกมาก ได้เรียนรู้การทำงานจากพี่วรรณ พี่แวว และพี่โต้ง ถือว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่หนูภูมิใจที่สุด จัดเต็มที่สุด เป็นหนังที่น่ารักที่หนูอยากให้ทุกคนได้ไปดูกัน ดูจบแล้วบอกหนูด้วยนะคะว่า หนังเรื่องนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกยังไง รู้สึกเหมือนหนูมั้ย 9 กุมภาพันธ์นี้  ในโรงภาพยนตร์”

เธอกับฉันกับฉัน หนังรักที่จะพาคุณเดินทางย้อนเวลาไปสัมผัสกับ รักครั้งแรก ของเราสามคน ผลงานโปรดิวซ์จาก โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ร่วมด้วยสองผู้กำกับฝาแฝด วรรณแวว-แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์ นำแสดงโดย ใบปอ ธิติยา จิระพรศิลป์, โทนี อันโทนี่ บุยเซอเรท์ และ กระแต ศุภักษร ไชยมงคล 9 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์

Keanu Reeves กล่าวว่า John Wick ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมญี่ปุ่น และแนวโน้มที่จะมีภาค 5

มันใกล้ถึงบทสรุปแล้ว แต่ยังไม่ท้ายสุดสำหรับ John Wick มันอาจจะมีต่อไปอย่างน้อยในภาคที่ 5 จากคำกล่าวของ Chad Stahelski ผู้กำกับและผู้ดูแลแฟรนไชส์ ที่ยอมรับว่ามาไกลกว่าที่คาดคิด ทั้งจักรวาลหลัก รวมไปจนถึงภาคแยกที่เป็นทั้งซีรีส์ และ หนัง ข่าวสาร UFO เรื่องลี้ลับและสายมูเตลู

Chad Stahelski บอกกับ Total Film (จากสำนักCBR )ว่า อันที่จริงเขาและ Keanu Reeves ตั้งใจจะให้หนังจบลงที่ John Wick: Chapter 3 - Parabellum แต่เนื้อเรื่องมันต้องดำเนินต่อไป เนื่องจากความนิยมที่มีต่อหนังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งใน Chapter 2 และ Chapter 3 นั่นคือการรวบยอดแล้ว แต่มันยังมีอะไรที่มากไปกว่านั้น พวกเขาจึงต้องไปต่อใน Chapter 4 และแม้ทีมงานจะได้ประกาศสร้าง Chapter 5 ไปแล้วก็ตาม เขาได้วางแผนที่จะถ่ายทำสองภาคควบคู่กันไป แต่แนวโน้มบทสรุปทุกอย่างยังคงอยู่ในภาค 4 ซึ่งก็ต้องดูบทสรุปและความสำเร็จกันอีกต่อไปว่ามันจะทำให้เกิดภาค 5 ขึ้นหรือไม่ Chad Stahelski ยังไม่ฟันธงกับเรื่องนี้

ในส่วนขยายจักรวาลนั้นมีอีกมากมายที่ Chad Stahelski ได้วางแผนกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ The Continental ที่จะพาไปสำรวจต้นกำเนิดของเครือข่ายโรงแรมใต้ดิน ที่ๆ เหล่านักฆ่ามารับงาน และซีรีส์ Winston ตัวละครของ Ian McShane ก็มีแนวโน้มที่จะเปิดตัวภาคแยกในปลายปีนี้ นอกจากนี้ Ana de Armas เองก็จะมีภาคแยก Ballerina หลังจากที่เธอวาดลวดลายอันน่าประทับใจใน No Time to Die จนพวกเขาตัดสินใจชิงจับเธอมาทำภาคแยกในจักรวาล John Wick ก่อนที่ผู้สร้าง 007 จะทำ

นอกจากนี้ Keanu Reeves พระเอกของเรื่องยังอธิบายเกี่ยวกับโลกของ John Wick ว่าได้แรงบันดาลใจหลักมาจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น นั่นคืองานสร้างอนิเมะและการสร้างหนังของญี่ปุ่น วิถีแห่ง Bushido เขากล่าวว่า

"อนิเมะญี่ปุ่นและการสร้างหนังญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่ผมรักและได้รับอิทธิพลมาอย่างแน่นอน และ Bushido ก็เป็นธีมในหนังของเรา คุณรู้ไหมนี่คือวิถีแห่งซามูไร ดังนั้น มองจากภายนอก คุณรู้สึกเหมือนเป็นหนังที่ยอดเยี่ยม ความพอดี แนวคิดเรื่องการให้เกียรติและการเสียสละ มีอิทธิพลอย่างมากจากญี่ปุ่นอย่างแน่นอน"

มือสังหารในโลกของ John Wick และ Continental Hotel เป็นนักรบที่มีจรรยาบรรณที่เคร่งครัดมาก ซึ่งพวกเขาแทบไม่เคยฝ่าฝืน รหัสของพวกเขา  เครื่องรางที่มีรอยเปื้อนเลือดอยู่ข้างใน  เป็นคุณลักษณะของรหัสนั้น และหากได้รับมอบไป ผู้ลอบสังหารต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้กับใครก็ตามที่ถือมันไว้ ใครก็ตามที่ละเมิดเครื่องหมายจะถูกตัดสินประหารชีวิตทันที นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Keanu Reeves ได้แสดงว่าเขาหลงใหลในแนวคิดของ Bushido เพราะเขาเคยสร้างหนังอย่าง 47 Ronin (2013) มาแล้ว

คีอานู รีฟส์ คอนเฟิร์ม! John Wick: Chapter 4 แอ็กชันเยอะที่สุดกว่าทุกภาค

คีอานู รีฟส์ คอนเฟิร์ม ! John Wick: Chapter 4 แอ็กชันเยอะที่สุดกว่าทุกภาค พ่วงปลดล็อค 3 ภาพเด็ดจุดฟีเวอร์ทั้งโลก คนไทยดูก่อนอเมริกา 23 มีนาคมนี้ เรียกว่าเป็นการจุดกระแส จอห์น วิค ฟีเวอร์ ให้ลุกโชนไปทั้งโลกอีกครั้ง ข่าวหนังใหม่ เพราะไม่เพียงแต่หนึ่งในสื่อภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอย่าง TOTAL FILM ฉบับล่าสุด จะปล่อยภาพเอ็กซ์คลูซีฟ 3 ภาพใหม่ของตัวละครสำคัญจากภาคล่าสุดออกมาเรียกเสียงฮือฮา 

แต่แอ็กชันสตาร์เจ้าของบทบาท จอห์น วิค อย่าง “คีอานู รีฟส์” ยังออกมาให้สัมภาษณ์คอนเฟิร์มคอหนังว่า John Wick: Chapter 4 จะเป็นภาคที่อัดแน่นด้วยฉากแอ็กชันเยอะที่สุดกว่าทุกภาคที่ผ่านมา นอกจากนี้ รีฟส์ยังต้องฝึกฝนทักษะต่าง ๆ เพิ่มเติมอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อถ่ายทำในฉากแอ็กชันภาคนี้ทั้งการฝึกยูโด และ ยิวยิตสู 

ยิ่งไปกว่านั้นคือการฝึกดริฟต์รถแบบผาดโผนที่เขาไม่เคยทำมาก่อน ถือว่าการถ่ายทำภาพยนตร์ที่นับเป็นการใช้ร่างกายที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิตนักแสดงของเขาเลยก็ว่าได้ คีอานู รีฟส์มาบอกเองขนาดนี้ แฟนจอห์น วิคตัวจริงจะพลาดได้อย่างไร อดใจรออีกอึดใจเดียวแล้วไปเหยียบสภาสูงพร้อมคนทั้งโลก

จุดเริ่มต้นของจุดสิ้นสุดได้มาถึงแล้ว เตรียมพบกับปลายทางกับใบปิดแรกของ "Fast 10"

ข่าวสารภาพยนตร์ หลังจากมีปล่อยข่าวเรียกนํ้าย่อยของแฟน ๆ ออกมาเป็นระยะ ทั้งภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ, การออกมาพูดถึงประเด็นสำคัญในเรื่อง และข่าวลือของการกลับมาของนักแสดงหน้าเก่าจากภาคก่อนหน้า ในที่สุด ภาพยนตร์ภาคที่สิบของหนึ่งในเฟรนไชส์ภาพยนตร์แข่งรถที่ยาวนานที่สุดอย่าง Fast X ก็ได้ปล่อยใบปิดแรกออกมาเสียที 

โดยใบปิดเแรกรี้มาพร้อมกับคำโปรยที่ว่า “THE END OF THE ROAD BEGINS” หรือ “จุดเริ่มต้นของจุดสิ้นสุดในเส้นทางได้เริ่มขึ้นแล้ว” แม้ว่าจะยังไม่มีการบอกใบ้ออกมาว่าเนื้อเรื่องของภาคที่สิบนี้จะเป็นอย่างไร แต่ก็คงจะพอคาดเดาได้ว่า จะเป็นการปูทางไปสู่การปิดฉากเฟรนไชส์นักซิ่งข้างถนนที่กลายมาเป็นเฟรนไชส์ภาพยนตร์แอคชั่นฟอร์มยักษ์ในภาคที่สิบเอ็ด อย่างที่ได้มีการประกาศออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเป็นภาคปิดฉากเส้นเรื่องหลักของเฟรนไชส์นี้ โดยอาจจะมีการขยับขยายจักรวาลด้วยการออกสำรวจเนื้อเรื่องย่อยของตัวละครอื่น ๆ แทน

โดยในภาคนี้จะกำกับโดย หลุยส์ เลแตร์ริเยร์ ร่วมกับนักแสดงนำหลักอย่าง วิน ดีเซล และยังมีตัวละครอื่น ๆ ทั้งเก่าและใหม่จากที่แทบจะเป็นนักแสดงจากทั้งวงการฮอลลีวูด ทั้ง จอห์น ซีนา, รีตา มอเรโน, เจสัน โมโมอา, บรี ลาร์สัน , แดเนียลา เมลชอร์ และ อลัน ริตช์สัน ตลอดจน เจสัน สเตแธม, มิเชลล์ โรดรีเกซ, ไทรีส กิบสัน, คริส "ลูดาคริส" บริดเจดส์, นาตาลี เอ็มมานูเอล, คาร์ดี้ บี, ชาร์ลิซ เธอรอน, ซอง คัง, สกอตต์ อีสต์วูด, เฮเลน เมียร์เรน และ ไมเคิล รูกเกอร์