สิ่งที่ทำให้หนังอย่าง Morbius น่าผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือวิธีการนำเสนอตัวละครนี้ ค่อนข้างเชย ดูเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่สมัย 2000 ต้นๆ ที่นอกจากจะไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์แล้ว ยังเอื่อยเฉื่อยกว่าที่คิด
ใช่ว่าหนังอย่าง Morbius จะไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย เราคงต้องบอกว่าการแสดงของจาเร็ด เลโต้ในบทบาทไมเคิล มอร์เบียส เรียกได้ว่าเขาทุ่มเทให้กับตัวละครนี้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ตัวเองดูโทรม ซูบซีดราวกับคนป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับโรคเลือด แต่เมื่อเขาต้องขุนหุ่นให้ล่ำตอนกลายร่างก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดหวัง
น่าเสียดายที่บทภาพยนตร์ในการบอกเล่าความเป็นมาของตัวละคร Morbius นั้นถือว่าเป็นการเล่าที่มาที่ไปของตัวละครได้เชื่องช้า ไม่กระเตื้องไปข้างหน้าสักเท่าไหร่ อันที่จริงเราอาจจะบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า แค่ดูเทรลเลอร์ตัวอย่างภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ก็แทบจะครอบคลุมสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังทั้งหมด เหลือก็เพียงแค่เอนเครดิตที่บอกเล่าเรื่องราวที่นำไปสู่เหตุการณ์ต่อๆไปในจักรวาลแยกย่อยของสไปเดอร์เวิร์ส
ปัญหาของ Morbius จริงๆแล้ว คล้ายกับหนังเรื่อง Venom ภาคแรกที่พยายามจะบอกเล่าเรื่องราวของ “ตัวร้าย” ที่ไม่ได้เลวอย่างที่คนดูเคยรู้จักกัน ความโหดร้ายป่าเถื่อนของตัวละครเหล่านี้ จริงๆแล้วพวกเขาพยายามต่อสู้กับพลังอำนาจที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้ จนท้ายที่สุดตัวละครเหล่านี้ก็มีเหตุจำเป็นที่จะต้อง “สูญเสีย” อะไรบางอย่าง เพื่อจะเรียนรู้ถึงอำนาจที่ตัวเองมีในตอนท้าย
อย่างไรก็ตามแม้หนังจะพยายามนำเสนอประเด็นเพื่อนรักสองคนที่มองโลกในมุมที่แตกต่างกัน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก แต่น่าเสียดาย (อีกแล้ว) ที่เมื่อตัวละครเพื่อนรักอย่างไมโล (แมทท์ สมิธ) กลายไปเป็นตัวร้าย เขาก็เปลี่ยนไปเหลือแค่เพียงตัวละครวายร้ายหัวกลวงที่มุ่งเน้นแต่จะใช้พลังที่ตัวเองมี เล่นสนุกทำร้ายคนอื่นไปทั่ว จนทำให้มอร์เบียสจำเป็นต้องหยุดเพื่อนรักคนนี้ ก่อนที่คนอื่นในสังคมจะเกิดอันตราย
กล่าวโดยสรุปๆแล้ว Morbius ไม่ใช่หนังที่เลวร้ายขนาดทนดูไม่ได้ หรือชวนง่วงจนหลับคาเบาะ แต่รวมๆแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ หรือมีความจำเป็นต้องดู เรียกว่าถึงพลาดไปก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียดายเช่นกัน
สนับสนุนข้อมูลโดย หนังซับไทย
No comments:
Post a Comment