ภาพยนต์ชนโรงเรื่องดัง The Matrix 4 : Resurrections (2021) เดอะ เมทริกซ์ เรเซอเร็คชั่นส์ ที่มาพร้อมกับความทรงจำในวันวานของวัยว้าวุ่นที่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นหนัง “ล้าสมัย” สำหรับเหล่าวัยรุ่นยุคใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับหนังมาร์เวลเสียแล้ว วัดได้อย่างชัดเจนจากความหนาแน่นของผู้ชมในโรงภาพยนตร์สัปดาห์ที่ผ่านมาและการพูดถึงตัวหนังทางโซเชียลมีเดีย ที่ดูเงียบเหงาและดูจะถูกสไปเดอร์แมนกลบมิด
The Matrix สามภาคแรก เป็นเหมือนบทบันทึกสำคัญในช่วงต้นปี 2000 ที่นอกจากจะนำเสนองานเทคนิคด้านภาพอันแสนน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว มันยังผนวกปรัชญาที่ตั้งคำถามว่า ความจริงคืออะไร บางที่สิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นจริงอาจจะเป็นแค่เพียงโลกสมมติ (เฉกเช่นใน The Matrix) เจตจำนงเสรีว่าด้วยอิสระในการเลือกกระทำสิ่งที่มนุษย์ต้องการนั้นมีอยู่จริงหรือเปล่า
จุดเด่นของหนังไตรภาค อยู่ตรงที่สไตล์การกำกับคิวบู๊ที่สดใหม่ในเวลานั้น ในการนำศิลปะการต่อสู้แบบกังฟู มาใช้กับเทคนิคการเคลื่อนกล้องแบบ Bullet Time Scene ที่กล้องจะเคลื่อนที่แบบสไลว์โมชั่นไปรอบๆวัตถุที่ถูกจับภาพ จนกลายเป็นนวัตกรรมอันน่าตื่นตะลึง ยังไม่รวมไปถึงการใช้โทนสีเขียวๆอันเป็นโลกจำลองของเดอะเมทริกซ์ ส่วนโลกมนุษย์แห่งความเป็นจริงที่ตกอยู่ภายใต้การคุกคามของจักรกลนั้นเป็นโทนสีทึมๆให้ความรู้สึกหดหู่
การมาถึงของ The Matrix Resurrections แน่นอนว่าผู้ชมที่เป็นฐานของหนังภาคนี้คือต้องดูหนัง 3 ภาคแรกมาก่อน ดังนั้น “ภาพจำ” ของไตรภาคเมื่อ 19 ปีก่อนที่ยังติดตรึงไว้ในความทรงจำ ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ชมมองหาในหนังภาคล่าสุด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าหนังภาคนี้ไม่ได้สร้าง “นวัตกรรมใหม่” ใดๆขึ้นมาก นอกเสียจากจะเป็นการย้อนกลับไปเสียดสีหนังไตรภาคพร้อมกับเล่าประเด็นที่จับต้องได้และมีความ “ส่วนตัว” มากขึ้นนั่นคือความรักระหว่างนีโอและทรินิตี้
ขณะเดียวกันหนังภาคนี้ยังให้รายละเอียดอีกว่าโทมัส แอนเดอร์สัน (คีอานู รีฟฟ์) ในวัยกลางคนเขาประกอบสัมมาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ผู้ออกแบบเกม The Matrix ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมก็คือหนังทั้งสามภาคแรกที่เราเคยได้รับชมไปนั่นเอง ทว่าชีวิตของโทมัสที่เหมือนจะไปได้สวย เขากลับต้องไปพบจิตแพทย์ (นีล แพทริก แฮริส) อยู่เสมอๆเนื่องจากอาการเห็นภาพหลอนเสมือนจริง ทั้งที่จริงแล้วเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งโทมัสได้พบกับทิฟฟานี่ (แครี่ แอนน์ มอส) คุณแม่ลูกสามที่ร้านกาแฟ ซึ่งทั้งสองคนมีความรู้สึกอันแปลกประหลาดราวกับว่าทั้งสองเคยรู้จักกันมาเมื่อนานมากแล้ว
จากสิ่งเหล่านี้เราอาจจะพอสรุปได้เลยว่า ความรักที่ตัวละครทั้งสองมีให้กันนั้นคือสิ่งที่เป็นพลังงานบริสุทธิ์และนำพาชีวิตของพวกเขาให้หลุดพ้นจาก การถูกจองจำอยู่ภายในระบบวนลูปในเดอะเมทริกซ์ การได้ตื่นขึ้นของนีโอและทรินิตี้สู่โลกแห่งความเป็นจริง คือภาพตอนจบที่คนดูหนังในไตรภาคชุดแรกเคยอยากเห็นแต่ไม่มีโอกาสจะได้เห็นมาก่อน ตอนนี้ The Matrix Resurrections ได้มอบตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งที่คนดูรอคอยมานานแสนนานเสียที
No comments:
Post a Comment