Tuesday, May 31, 2022

อดีตนักแสดงเด็กใน Jaws ได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.ตำรวจ บนเกาะที่เขาเคยถ่ายทำภาพยนตร์

ในภาพยนตร์ ‘Jaws’ (1975) นอกจากจะเป็นผลงานเอกสุดคลาสสิกของผู้กำกับ ‘สตีเวน สปีลเบิร์ก’ (Steven Spielberg) ที่สร้างรายได้อย่างถล่มทลายทั่วโลก ด้วยฉากเขย่าขวัญที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้ผู้ชมคลื่นไส้ และกลัวจนไม่กล้าลงทะเลไปพักใหญ่ ๆ แต่ถ้าเคยดูและยังจำกันได้ ในหนังเรื่องนี้ก็ยังมีฉากขโมยซีนฮา ๆ ฉากหนึ่ง เป็นฉากที่ผู้คนบนชายหาดกำลังวิ่งหนีตายหลังจากพบเห็นครีบฉลามลอยอยู่กลางทะเล

แต่ดันกลายเป็นฝีมือของเด็กเกรียน ๆ สองคนในชุดประดาน้ำ ที่ติดครีบฉลามปลอมเพื่อแกล้งคนต่างหาก แถมยังเกือบจะโดนตำรวจน้ำสอยเพราะคิดว่าเป็นฉลามจริง ๆ เข้าให้แล้ว และตอนนี้ใครจะเชื่อว่า หนึ่งในสองเด็กเกรียนก็คือ ‘โจนาธาน เซียร์ล’ (Jonathan Searle) ชาวเกาะมาร์ธาส์วินยาร์ด (Martha’s Vineyard) รัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) สหรัฐอเมริกา วัย 56 ปี ที่ตอนนี้เป็นตำรวจยศจ่า และกำลังจะกลายมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจดูแลพื้นที่ชายหาดนี้อีกด้วย

เว็บไซต์สื่อท้องถิ่น The Vineyard Gazette ของเกาะมาร์ธาส์วินยาร์ด รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรรมการของสภาเทศบาล ให้จ่าโจนาธาน เซียร์ล เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรมตำรวจเอ็ดการ์ทาวน์ (Edgartown Police Department) เป็นผู้บัญชาการตำรวจเขตโอคบลัฟส์ (Oak Bluffs) ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ กับกรมตำรวจเอ็ดการ์ทาวน์ ที่เคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของภาพยนตร์เรื่อง Jaws อันโด่งดังเมื่อ 47 ปีที่แล้ว

โจนาธานเป็นคนพื้นเพเป็นชาวเกาะมาร์ธาส์วินยาร์ดมาตั้งแต่กำเนิด หลังจากที่เขาได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ เขาได้เข้าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดกรมตำรวจเขตเอ็ดการ์ทาวน์ (Edgartown Police Department) ที่อยู่ใกล้เคียงกับเขตโอคบลัฟส์ ตามรอย ‘จอร์จ เซียร์ล’ (George Searle) พ่อของเขาที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเขตโอคบลัฟส์มาก่อน ในระหว่างที่สปีลเบิร์กกำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Jaws ในบริเวณเกาะแห่งนี้อยู่พอดี ก่อนจะดำรงตำแหน่ง ผบ. เขตโอคบลัฟส์ ในระหว่างปี 1981-1995

การที่โจนาธานเคยได้แสดงภาพยนตร์ในเขตนี้มาก่อน คงไม่ใช่เหตุผลหลักในการได้รับเลือกเป็น ผบ. แต่เป็นเพราะผลงานที่เขาได้ทำหน้าที่ในการดูแล สร้างความสัมพันธ์กับคนในชุมชนที่เป็นบ้านเกิดของเขาเองมาโดยตลอด และอีกทั้งเขายังเป็นผู้ริเริ่มฝึกเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยเหลือในการบำบัดรักษาเพื่อเอาชนะปัญหายาเสพติดในชุมชน และในปี 2008 เขาเองยังมีส่วนร่วมในการจับกุมชายคนหนึ่งที่สร้างความแตกตื่นด้วยการหลอกนักท่องเที่ยวว่า ชายหาดที่โด่งดังนี้มีฉลามขาวขนาดใหญ่สองตัวว่ายอยู่ในทะเล 

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวเมืองไทย

Monday, May 30, 2022

Tom Cruise ถูกสั่งห้ามขับเครื่องบิน F-18 ใน Top Gun: Maverick เหตุด้านความปลอดภัย

ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่เพิ่งเข้าฉายไปอย่าง ‘Top Gun: Maverick’ ถือเป็นการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 36 ปีของ ‘Top Gun’ โดยมีนักแสดงนำอย่าง ทอม ครูซ (Tom Cruise) กลับมารับบทเป็น พีท ‘มาเวอริค’ มิทเชลล์ อีกครั้ง หลาย ๆ คนอาจจะพอทราบกันว่า นอกจากครูซจะมีความสามารถทางด้านการแสดง ตัวเขาเองยังหลงใหลและมีความสามารถในการขับเครื่องบินอีกด้วย อีกทั้งยังมีใบอนุญาตนักบินพร้อมทั้งเครื่องบินส่วนตัวถึง 2 ลำ คือ เครื่องบินส่วนตัวกัลฟ์สตรีม 4 (Gulfstream IV G4 jet) และ พี-51 มัสแตง (P-51 Mustang)

ครูซได้นำความสามารถในการขับเครื่องบินที่เขามี มาใช้กับงานแสดงภาพยนตร์อย่างเรื่องก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะใน ‘Top Gun: Maverick’ ที่บางฉากเขาได้มีโอกาสขับเครื่องบินนอร์ทอเมริกัน พี-51 มัสแตง (North American P-51 Mustang) ซึ่งเป็นเครื่องบินของเขาเอง

ครูซเคยให้สัมภาษณ์กับโคแนน โอไบรอัน (Conan O’Brien) เกี่ยวกับความชอบของเขาในด้านการแสดงและการขับเครื่องบินไว้ว่า “ผมเคยฝันว่าสักวันหนึ่งผมอยากจะทำภาพยนตร์ และผมก็อยากจะขับเครื่องบิน จนมาถึงวันนี้ที่ผมได้ทำมันจริง ๆ และผมก็อยากให้ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นกับนักแสดงคนอื่น ๆ ด้วย ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Top Gun: Maverick’ ทีมงานจึงให้นักแสดงคนอื่น ๆ ได้ฝึกขับเครื่องบินจริงและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ภาพยนตร์ออกมาสมจริงมากที่สุด และทำให้ผู้ชมภาพยนตร์ได้รับประสบการณ์การชมภาพยนตร์อย่างเต็มที่เท่าที่พวกเราจะสามารถให้ได้ในฐานะนักแสดง”

แต่ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘Top Gun: Maverick’ ก็มีข้อห้ามเกี่ยวกับการขึ้นบินขณะที่ถ่ายทำภาพยนตร์ โดยหนึ่งในข้อห้ามนั้นคือทางทีมงานและเหล่าบินไม่อนุญาตให้ครูซขับเครื่องบินเอฟ-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ท (F-18 Super Hornet) ในเรื่อง ‘Top Gun: Maverick’ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถในการขับเครื่องบินและมีโอกาสได้ขับลำอื่น ๆ ด้วยตัวเองก็ตาม

ส่วนหนึ่งคาดว่าทางทีมงานมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวนักแสดงเอง และการรับประกันของตัวเครื่องบิน เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องบินเอฟ-18 นั้นสูงราว ๆ 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพื่อความปลอดภัยในการถ่ายทำฉากที่ต้องใช้เครื่องบินลำนี้ ทางทีมงานก็ได้รับการช่วยเหลือจากนักบินกองทัพเรือ (Navy pilots) ที่มาช่วยขึ้นบินให้แทน

สนับสนุนข้อมูลโดย หนังซับไทย

Saturday, May 28, 2022

รู้จัก Gorr นักสังหารเทพ ตัวร้ายล่าสุดใน Thor: Love and Thunder

ในที่สุดก็ออกมาแล้วกับตัวอย่างภาพยนตร์ Thor : Love and Thunder ด้วยรักและอัสนี ที่ภาคนี้ คริสเตียน เบล จากอดีตสุภาพบุรุษชุดค้างคาว ผันตัวมารับบทเป็น Gorr the God Butcher หรือ กอร์ ผู้สังหารเทพเจ้า ประวัติของตัวร้ายคนนี้จะร้ายลึกแค่ไหน แล้วมีความสามารถอะไรบ้าง มาทำความรู้จักก่อนดูกันเลย


ประวัติ Gorr ผู้สังหารเทพ

กอร์ ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมิก Thor: God of Thunder #2 ที่วางขายในช่วงเดือนมกราคม ปี 2015 แรกเริ่มเดิมที กอร์ เป็นเอเลี่ยนธรรมดาบนดาวดวงหนึ่ง ในชนเผ่าที่ชื่นชอบการสรรเสริญเทพเจ้า เพียงเพราะเชื่อว่าเทพเจ้าจะนำความสุขสบายเข้ามาในชีวิตบนดาวแห้งแล้งสักวันใดวันหนึ่ง

แต่ถึงอย่างไรก็ตามตลอดชีวิตของกอร์ก็เรียกได้ว่าแทบไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าสุขสบายสักเท่าไหร่ กอร์ เสียแม่ไปตั้งแต่เด็กจากการถูกสัตว์ต่างดาวไล่ล่า และเคราะห์ซ้ำกับความยากลำบากสารพัด ตั้งแต่ภรรยาตกเหวพร้อมลูกในท้อง ขณะที่ลูกชายที่เหลือรอดเพียงคนเดียวก็ต้องเสียชีวิตลงจากการขาดอาหาร นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ กอร์ ไม่เชื่อเทพอีกต่อไป และเริ่มมองว่าเทพเจ้านั้นแสนไร้ค่า เพราะต่อให้บูชาเท่าไหร่ ตัวเองและครอบครัวก็ไม่เคยมีเทพตนไหนช่วยเหลือเลย

ความคิดที่แปลกแยกของ กอร์ เข้าถึงหูคนในเผ่าจนถูกทำร้ายและขับไล่ออกมา ซึ่งวันที่เป็นก้าวแรกของฉายานักสังหารเทพก็มาถึง เมื่อวันหนึ่ง กอร์ ได้พบกับเทพเจ้าที่กำลังต่อสู้กันตกลงมาบนดาวของเขาในสภาพปางตาย เทพเจ้าได้อ้อนวอนให้ กอร์ ช่วยชีวิต จึงทำให้รู้สึกโกรธกับเทพที่ไม่เคยหยิบยื่นอะไรให้แต่จู่ๆก็มาขอความช่วยเหลือจากคนที่เคยศรัทธา 

กอร์จึงใช้ดาบของเทพที่อยู่ข้างๆอีกตนสังหารเทพเจ้าที่ขอความช่วยเหลือทิ้งแบบไร้ปราณี ซึ่งต่อมาดาบเล่มนี้เองจะเป็น All-Black the Necrosword ดาบมืดคู่กาย ที่ทำให้กอร์มีพลังพิเศษออกล้างบางเทพทุกหนทุกแห่ง รวมถึง ธอร์ เทพแห่งสายฟ้าด้วยนั่นเอง

สนับสนุนข้อมูลโดย แนะนำหนังการ์ตูนแอนิเมชั่น

Friday, May 27, 2022

จับตา Crimes of the Future หนังสยองเรื่องดังจากเทศกาลเมืองคานส์ โดย ก้อง ฤทธิ์ดี

เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม และจะมีการประกาศรางวัลปาล์มทองในวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้ ในบรรดาหนังดังในสายประกวดที่พาเรดกันมาในปีนี้ เรื่องที่เรียกเสียงฮือฮาได้สมศักดิ์ศรี คือหนังไซไฟ-สยองขวัญ Crimes of the Future โดยผู้กำกับชาวแคนาดา เดวิด โครเนนเบิร์ก ชื่อนี้ที่การันตีจินตนาการหลอนระคนวิปริตมากว่า 30 ปี (เช่น Scanners, The Fly, Crash และ Existenz) ในหนังเรื่องใหม่นี้มีดารานำที่คนรู้จักกันดีทั้ง วิกโก มอร์เตนเซน, คริสเตน สจ๊วร์ต และ เลอา ซีดูซ์

ก่อนหนังจะฉาย ข่าวดังคือการที่โครเนนเบิร์กให้สัมภาษณ์ว่า เขาเชื่อว่าจะมีคนลุกเดินออกจากโรงตั้งแต่ 5 นาทีแรกเพราะทนดูไม่ไหว แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ผู้เขียนอยู่ในเหตุการณ์รอบสื่อมวลชนที่คานส์และไม่เห็นว่ามีคนเดินออก ส่วนในรอบกาลา มีรายงานว่ามีคนลุกออกบ้าง แต่ไม่ได้เป็นจำนวนมากกว่าการลุกออกที่คนดูหนังที่คานส์ทำกันเป็นปกติแต่อย่างใด

ในขณะเดียวกัน โครเนนเบิร์กก็ไม่ได้ปั่นข่าวเพียงเพื่อขายหนัง เพราะ Crimes of the Future เป็นการกลับมาทำหนังสยองขวัญในแบบ body horror หรือการสร้างภาพแห่งความสะพรึงกลัวผ่านเนื้อหนังและความวิปลาศบนร่างกายมนุษย์ อันเป็นแนวทางที่โครเนนเบิร์กทำจนเป็นปรมาจารย์มาหลายสิบปี พล็อทของเรื่องใหม่ฟังแล้วก็ขนลุกดี ในโลกอนาคตอันใกล้ มนุษย์มีความสามารถในการสร้างอวัยวะใหม่ภายในร่างกายตัวเองได้ เป็นอวัยวะที่ “เติบโต” ขึ้นมาเองในท้อง ในลำไส้ ในสมอง ฯลฯ โดยเป็นอวัยวะที่ยังไม่มีหน้าที่อะไรในการใช้ชีวิต แต่ราวกับว่ากระบวนการวิวัฒนาการเตรียมสร้างอวัยวะเหล่านี้ไว้เพื่อสำหรับจุดประสงค์อะไรบางอย่างอนาคต ในขณะเดียวกัน มนุษย์ก็พัฒนาตัวเองจนไม่รู้จักความเจ็บปวด ยกเว้นในความฝันเท่านั้น Crimes of the Future ไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดของโครเนนเบิร์ก มันมีความห้วนและ “คิดไม่เสร็จ” อยู่บ้าง ด้วยโลกที่โครเนนเบิร์กสร้างขึ้น ผู้เขียนมองว่านี่สามารถเอาไปทำเป็นซีรีส์ 8 ตอนได้สบาย ๆ

สนับสนุนข้อมูลโดย  ข่าวสารภาพยนตร์ รีวิวหนังดัง


Thursday, May 26, 2022

พุ่งทะยานแบบฟ้าเหนือฟ้ากับ Top Gun: Maverick ในระบบ Screen-X

สิ้นสุดการรอคอยกับภาพยนต์ชนโรงเรื่องดัง ‘Top Gun : Maverick’ หนังภาคต่อที่ทิ้งห่างจาก ‘Top Gun’ ภาคแรกไปถึง 36 ปีภายใต้การนำแสดงและคุมงานสร้างของทอม ครูซ (Tom Cruise) และเป็นปกติธรรมดาสำหรับหนังฟอร์มยักษ์ที่มีระบบการฉายให้เลือกหลายระบบตามความชอบ ซึ่ง Beartai Buzz ขอพาผู้อ่านทุกท่านสัมผัสความโดดเด่นในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในระบบสกรีนเอ็กซ์ (Screen-X)

สำหรับระบบการฉาย Screen X ก็ถือเป็นอีกหนึ่งในระบบฉายภาพยนตร์ที่ให้ภาพกว้างมากกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป เพราะมีการเพิ่มจอด้านข้างอีก 2 จอจนทำให้มุมมองการชมภาพยนตร์ของผู้ชมกว้างถึง 270 องศา ซึ่งพอได้หนังอย่าง ‘Top Gun : Maverick’ มาฉายแล้ว ฉากแอ็กชันโดยเฉพาะฉากในห้องนักบินบนเครื่องบินขับไล่ยิ่งสมจริงและตื่นตาตื่นใจ เพราะในขณะที่หนังในระบบปกติให้มุมมองแบบจอเดียวแคบ ๆ แต่ใน Screen X การได้จอภาพซ้ายขวาทำให้เราได้มุมมองที่สมจริงเหมือนไปนั่งในห้องนักบินของ F18 ก็ไม่ผิดนักแถมมันยังมีปริมาณของฉากที่ฉายครบ 3 จอมากถึง 80% ของหนังอีกด้วย

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวสารภัยพิบัติธรรมชาติทั่วโลก วาตภัย อุทกภัย 

Wednesday, May 25, 2022

ผู้กำกับดังชมเทคนิคการต่อสู้ของ Tom Cruise ว่าเหมือนจริง ต่างกับ John Wick ที่ดูปลอม

ไมเคิล มานน์ (Michael Mann) ผู้กำกับชื่อดังที่เคยร่วมงานกับ ทอม ครูซ (Tom Cruise) ใน ‘Collateral’ ได้ออกมาชื่นชมท่าทางและเทคนิคการต่อสู้ของครูซในหนังแอ็กชั่นหลาย ๆ เรื่อง พร้อมบอกว่าฉากการต่อสู้เหล่านั้นดูสมจริง ต่างกับหนัง ‘John Wick’ ที่มีฉากต่อสู้ที่ดูจะเวอร์เกินความเป็นจริง

เมื่อไม่กี่วันก่อนมานน์ถูกนักข่าวรายหนึ่งถามขณะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับหนัง ‘Top Gun: Maverick’ ว่า ความชำนาญในการใช้อาวุธของครูซจากหนัง Collateralนั้นชวนให้หลายคนนึกถึงการต่อสู้ของจอห์น วิค จากหนัง ‘John Wick’ (รับบทโดย คีอานู รีฟส์ – Keanu Reaves) หลาย ๆ ภาคไม่น้อย แล้วในฐานะผู้กำกับมานน์มองเรื่องนี้อย่างไร? ซึ่งเขาตอบว่า “อย่างจอห์น วิค ไม่ใช่เทคนิคจริง ๆ หรอก สิ่งที่ทอมทำนั่นแหละคือเทคนิคจริง ๆ เขาเคยฝึกกับเพื่อนของผม มิก กูลด์ (Mick Gould) ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยฝึกการต่อสู้ระยะประชิดของหน่วยรบพิเศษอังกฤษ หรือ SAS”

มานน์เล่าต่อว่า ครูซเป็นคนที่ทุ่มเทกับการแสดงของตัวเองมาก เขามีแนวคิดที่ว่าทุกอย่างจะต้องสมจริงเสมอ และนอกจากเขาจะชอบเล่นฉากแอ็กชั่นเสี่ยง ๆ อย่างที่ทุกคนทราบแล้วนั้น ครูซยังเป็นคนที่ชอบลงไปศึกษาเกี่ยวกับด้านจิตวิทยาของตัวละครนั้น ๆ เพื่อจะได้เข้าใจบทบาทที่เขาแสดงได้มากขึ้น มานน์เล่าว่าครั้งหนึ่งครูซเคยปลอมเป็นพนักงานส่งของของ FedEx เพื่อฝึกทักษะการแฝงตัวมาแล้ว

“ตอนนั้นเขาพูดกับผมว่า ‘ทุกคนรู้แน่ ๆ ว่าเป็นผม’ ผมบอกเขาว่า ‘ไม่! พอคนเห็นสัญลักษณ์ FedEx แล้วคุณใส่แว่นกันแดดใส่หมวกเดินถือคอมพิวเตอร์และพัสดุ คนก็ไม่สนใจคุณแล้ว’ หลังจากนั้นทอมก็เข้าไปนั่งคุย ยืนคุยกับคนแถว ๆ นั้น ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นเขา และนั่นถือเป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่ที่เขาได้เรียนรู้เรื่องจิตวิทยา”

Collateral เป็นหนังแอ็กชั่นระทึกขวัญแนวนีโอ-นัวร์ ของมานน์เมื่อปี 2004 โดยครูซรับบทเป็นนักฆ่ารับจ้าง ที่ต้องมาประกบคู่กับ เจมี ฟ็อกซ์ (Jamie Foxx) คนขับแท็กซี่ที่ต้องพาเขาไปยังสถานที่ต่าง ๆ สำหรับครูซนั้นกำลังมีผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Top Gun: Maverick’ ที่จะเข้าฉาย ดูที่นี่คลิ๊ก

Tuesday, May 24, 2022

Everything Everywhere All at Once ซือเจ๊และหลากมัลติเวิร์สที่ชวนเรามองย้อนชีวิตตัวเอง

ภาพยนตร์จีนสุดเพี้ยนที่ให้ข้อคิดดีๆ Everything Everywhere All at Once หรือชื่อไทยสุดคูลอย่าง ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส ที่หยิบเอาเรื่องมัลติเวิร์สหรือจักรวาลคู่ขนานมาเป็นธีมหลักของเรื่อง โดยตัวละครเอกอย่าง เอเวอลิน หวัง รับบทโดยมิเชล โหย่วผู้ได้เดินทางไปพบกับตัวเองในจักรวาลอื่นๆ พร้อมการผจญภัยเหนือการคาดเดา

แม้ว่าตัวพล็อตเรื่องของ Everything Everywhere All at Once อาจจะดูพิลึกพิลั่น เพี้ยน จนหลายคนอาจจะเมินกันตั้งแต่เห็นโปสเตอร์หนัง ซึ่งคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากถ้าหากคุณจะพลาดหนังสักเรื่องที่น่าจะติดอันดับหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในรอบปี 2022 เลยก็ว่าได้

เอเวอลิน หวัง (มิเชล โหย่ว) คุณแม่วัยกลางคน ภรรยาผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตแต่งงานเต็มทน มิหนำซ้ำธุรกิจร้านซักเสื้อผ้าอัตโนมัติของเธอกำลังต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน แค่ฉากแรกที่หนังเปิดเรื่องราวมา เราจะได้เห็นปัญหามากมายมะรุมมะตุ้มถาโถมใส่เอเวอลิน งานบ้านงานครัวก็ต้องทำ ธุรกิจครอบครัวก็ต้องดู ไหนจะลูกสาวอย่างจอย (สเตฟานี ซู) ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นและพยายามจะเปิดตัวกับแม่ตัวเองว่าเธอเป็นเลสเบี้ยนที่คบหาดูใจกับแฟนสาวอย่างเบ็คกี้

เชื้อสายจีนที่แทรกตัวอยู่ในสายเลือด ทำให้เอเวอลินต้องเป็นกังวลกับลูกสาว แม้ว่าเธอพยายามจะทำความเข้าใจลูกสาวมากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนกับว่าตัวลูกสาวนั้นอาจจะไม่ได้เข้าใจเธอสักเท่าไหร่ ระหว่างที่กำลังจัดการกับลูกค้าจอมป่วน มีอยู่ห้วงเวลาหนึ่งที่เธอใจลอยมองไปในจอทีวีและได้เห็นหนังรักโรแมนติกคลาสสิก ดูเหมือนห้วงเวลานั้นเองจะทำให้เอเวอลินได้ยิ้มออกมา แม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เราจะได้เห็นว่าบางทีความสุขของเธอนั้นช่างสั้นและน้อยนิดเหลือเกิน

จริงๆแล้ว Everything Everywhere All at Once อาจจะดูเป็นหนังเพี้ยนๆหลุดๆ แต่เมื่อเราพินิจพิเคราะห์มันอย่างทำความเข้าใจ (หรือแม้กระทั่งดูซ้ำ) เราจะพบว่ามันเป็นหนังที่หยิบเอาหุบห้วงชีวิตของมนุษย์ที่อาจจะห่วยที่สุดในทุกๆจักรวาล เอามาทำให้เราเห็นว่า ท่ามกลางความย่ำแย่ สิ้นหวัง ไร้หนทาง บางครั้งสุดท้ายแล้วความ “ห่วยที่สุด” อาจจะเป็นจักรวาลที่เราไม่เคย “โดดเดี่ยว” เลยก็เป็นได้  เป็นหนังที่ทำให้เราทั้งตลก ทั้งสนุกไปกับฉากต่อสู้แบบศิลปะป้องกันตัว งานตัดต่อ การลำดับภาพ ที่บ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันมันยังมาพร้อมฉากปรัชญาคมคาย กระทั่งฉากกระชากน้ำตาที่เล่นเอาคนดูร้องไห้ตายคาเบาะเลยทีเดียว

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวสาร UFO เรื่องลี้ลับและสายมูเตลู

Monday, May 23, 2022

มาร์ก รัฟฟาโล และ โทนี คอลเล็ตต์ ร่วมแสดงในหนังใหม่ของผู้กำกับ Parasite

เว็บไซต์ Deadline ได้รายงานว่า มาร์ก รัฟฟาโล (Mark Ruffalo) และ โทนี คอลเล็ตต์ (Toni Collette) ได้เข้าเจรจาขั้นสุดท้ายกับ Warner Bros เพื่อร่วมแสดงในผลงานใหม่ล่าสุดของ บง จุนโฮ (Bong Joon-Ho) ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ที่นำ ‘Parasite’ คว้ารางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเมื่อปี 2019 มาแล้ว

รัฟฟาโลเป็นนักแสดงที่แฟน ๆ MCU (Marvel Cinematic Universe) จดจำได้จากการรับบท Hulk และเพิ่งแสดงใน ‘The Adam Project’ (2021) ของผู้กำกับ ชอว์น เลวี (Shawn Levy) สำหรับคอลเล็ตต์นั้น เป็นนักแสดงหญิงเจ้าบทบาท โดยผลงานที่น่าประทับใจของเธอในช่วงหลังนี้มีมากมาย ทั้ง ‘Hereditary’ (2018) และ ‘Knives Out’ (2019) ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเผยรายชื่อนักแสดง 2 คน ในโปรเจ็กต์นี้ ได้แก่ โรเบิร์ต แพตตินสัน (Robert Pattinson) ที่เพิ่งนำแสดงใน ‘The Batman’ (2021) และ เนโอมี แอ็กกี้ (Naomi Ackie) จาก ‘The Rise of Skywalker’ (2019)

โปรเจ็กต์ล่าสุดที่ บง จุนโฮ ร่วมพัฒนากับ Warner Bros. นี้ ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งเขาจะรับหน้าที่ทั้งอำนวยการสร้าง, กำกับ และเขียนบท โดยเป็นผลงานเรื่องแรกหลังจากที่เขาคว้ารางวัลออสการ์จาก ‘Parasite’ มาได้ ทั้งสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมซึ่งเขาร่วมได้ร่วมเขียนบท และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมซึ่งเขาเป็นผู้อำนวยการสร้างร่วม

ภาพยนตร์ใหม่ของจุนโฮนี้ จะดัดแปลงจากนิยายไซไฟดิสโทเปียเรื่อง ‘Mickey 7’ ของ เอ็ดเวิร์ด แอชทัน (Edward Ashton) ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มคนงานที่ถูกทารุณอย่างหนักในระหว่างการตั้งรกรากบนดาวน้ำแข็ง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ครอบครัวเกาหลีใต้ที่มีปัญหาทั้งด้านสถานะและจุดยืนทางสังคม

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวสารภาพยนตร์ รีวิวหนังดัง

Saturday, May 21, 2022

มีวันนี้เพราะพี่ให้! จอห์นนี เดปป์ เผยทุกวันนี้ได้เป็นนักแสดงก็เพราะ นิโคลัส เคจ

ทั้ง นิโคลัส เคจ (Nicolas Cage) และ จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) ต่างกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในตอนนี้ สำหรับเคจเขากำลังจะมีหนังเรื่องใหม่ที่เปรียบเป็นการกลับมาสู่จอเงินอีกครั้งอย่าง ‘The Unbearable Weight of Massive Talent’ ในขณะที่เดปป์ต่างออกไป ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาตอนนี้อยู่ในห้องพิจารณาคดีร่วมกับอดีตภรรยาอย่าง แอมเบอร์ เฮิร์ด (Amber Heard) อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่า ทั้งคู่ต่างมีความเชื่อมโยงกันมาอย่างยาวนาน เพราะย้อนกลับไปหลายปีก่อนเคจถือเป็นคนที่ชักชวนให้เดปป์เข้าสู่วงการบันเทิง


ช่วงต้นทศวรรษ 1980 ตอนนั้นตัวเดปป์เองคงไม่คิดว่าอีก 2 ทศวรรษต่อมาเขาจะได้รับบทกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์และมีชื่อเสียงในฐานะนักแสดงอย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะตอนนั้นอาชีพที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดก็คือการเป็น ‘นักดนตรี’ แต่ความหลงใหลแค่ดนตรีอย่างเดียวไม่อาจหาเลี้ยงปากท้อง หรือจ่ายค่าเช่าบ้านได้ สุดท้ายเดปป์จึงต้องไขว่คว้าหาเส้นทางอื่นเพื่อชีวิตจะสามารถไปต่อได้ 

แอลลิสันมีอาชีพเป็นช่างแต่งหน้าที่ทำงานอยู่ในแวดวงฮอลลีวูด เธอเคยร่วมงานกับนักแสดงดัง ๆ ในยุคนั้นหลายคน โดยเฉพาะนิโคลัส เคจ ต่อมาแอลลิสันได้แนะนำเดปป์กับเคจให้รู้จักกัน ทั้งสองกลายมาเป็นคู่ซี้ที่มักจะนัดดื่มเหล้ากันแทบทุกวัน และช่วงเวลานั้นเองที่เดปป์ได้รู้จักกับอาชีพ ‘นักแสดง’

เคจช่วยให้เดปป์ได้ออดิชันในหนังดังของ เวส คราเวน (Wes Craven) อย่าง ‘A Nightmare on Elm Street’ เดปป์ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อนเลย ลงเอยด้วยการรับบทเป็นแฟนของแนนซี่ตัวละครหลักในเรื่อง งานนี้นอกจากจะต้องขอบคุณเคจแล้วเดปป์ต้องขอบคุณลูกสาวของคราเวนวัย 13 ปีด้วย เพราะว่ากันว่าสาเหตุที่เดปป์ได้บทนี้ ก็เพราะลูกสาวของคราเวนมาเห็นรูปภาพในใบสมัครออดิชันของเดปป์ แล้วจู่ ๆ ก็อุทานขึ้นมาว่า “โฮ คนนี้หล่อจัง” เดปป์ทิ้งท้ายว่าเขาไม่เคยมองเห็นศักยภาพแอบแฝงในตัวเองมาก่อน จนกระทั่งคนภายนอกผลักดันให้เขาได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง

“ผมไม่เคยมีความคิดอยู่ในหัวเลยว่าตัวเองอยากจะเป็นนักแสดง ผมเป็นนักดนตรี แต่ไป ๆ มา ๆ ผมก็สามารถทำเงินก้อนโตได้จากการเป็นนักแสดง ผมจำได้ว่าผมได้ค่าแรงขั้นต่ำสุดของสหภาพนักแสดงเลย ตอนนั้นผมได้สัปดาห์ละ 1,284 ซึ่งมันเป็นเงินที่เยอะสำหรับผมมากในตอนนั้น ผมไม่เคยเห็นเงินเยอะแบบนั้นมาก่อนเลยในชีวิต”

อย่างที่ทุกคนทราบต่อมาชีวิตของเดปป์และเคจต่างก็มีเส้นทางชีวิตที่คลับคล้ายคลับคลากัน หลังก้าวขึ้นมาเป็นพระเอกแถวหน้าของวงการฮอลลีวูดด้วยกันทั้งคู่แล้ว จู่ ๆ โชคชะตาก็เล่นตลกกับพวกเขา คนหนึ่งชีวิตพังเพราะมีหนี้สินเต็มตัว จนต้องหันไปเล่นหนังเกรดบีใช้หนี้ ส่วนอีกคนชีวิตมาพังเพราะใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตทั้งสองคนจะกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้งเฉกเช่นวันวาน

สนับสนุนข้อมูลโดย รีวิวซีรี่ย์ใหม่ แนะนำซีรี่ย์ NETFLIX

Friday, May 20, 2022

"อาเลีย บาตต์" นางเอก "คังคุไบ" แชร์คัฟเวอร์ภาพของ "พิมรี่พาย" ลงไอจีสตอรี่

ฮอตสุดช่วงนี้นอกจากกระแสฟุตบอลซีเกมส์ที่กรรมการแจกใบแดงเยอะจัด ก็คงเป็นกระแสคังคุไบจากหนัง Gangubai Kathiawadi (หญิงแกร่งแห่งมุมไบ) ยังไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วในเร็วๆ นี้ หลังจากมีผู้คัฟเวอร์ลุคแต่งชุดส่าหรีสีขาว ใส่อินเนอร์คัฟเวอร์คังคุไบอย่างต่อเนื่อง จนนักแสดงสาว อาเลีย บาตต์ นางเอกผู้รับบท คังคุไบ แชร์ลงไอจีสตอรี่อย่างต่อเนื่อง

และคนล่าสุดที่คัฟเวอร์ลุคเป็นคังคุไบได้ถูกใจสาว อาเลีย บาตต์ จนเธอแชร์ภาพลงในไอจีสตอรี่ก็คือ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ที่เล่นใหญ่ใส่เต็มแต่งตัวเป็น คังคุไบ พร้อมแคปชั่น "Love ittt!!" บอกเลยว่าเธอปลื้มและแฮปปี้สุดๆ 

ซึ่งนอกจากเมคอัปลุคเป็นคังคุไบแล้ว พิมรี่พายยังได้คัฟเวอร์ฉากต่างๆ ในเรื่อง Gangubai Kathiawadi ออกมาเป็นหนังสั้นในชื่อ มาเฟียพิมรี่พายขายทุกอย่าง เป็นโฆษณาสินค้าของเธอ บอกเลยว่าเก็บรายละเอียดทุกเม็ด อินเนอร์ได้มากแม่ จนแฟนๆ แห่คอมเมนต์ชมรัวๆ กันเลยจ้า

สนับสนุนข้อมูลโดย แนะนำซีรี่ย์เกาหลี


Thursday, May 19, 2022

เบื้องหลังฉากห้องนักบินในภาพยนตร์ Top Gun: Maverick ใช้กล้อง Sony VENICE และเลนส์ Voigtlander

ในที่สุดก็ใกล้ถึงเวลาเข้าฉายภาพยนตร์ ‘Top Gun: Maverick’ ภาคต่อของ Top Gun ในปี 1986 ที่ได้ ทอม ครูซ (Tom Cruise) กลับมาเป็นนักแสดงนำกันอีกครั้ง แต่ใครจะรู้บ้างว่าเบื้องหลังฉากห้องนักบิน F-18 ในเรื่องเนี่ย มีการใช้กล้อง ‘Sony VENICE’ ที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดัง ๆ มาอย่างมากมาย ติดกับเลนส์จากค่าย ‘Voigtlander’ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเล็ก แต่มีความคมไม่เป็นรองใคร

สำหรับใครที่ไม่คุ้นกับเลนส์ Voigtlander ต้องบอกเลยว่าค่ายนี้เขามีประวัติมาอย่างยาวนานเลยทีเดียว โดยก่อตั้งที่กรุงเวียนนาตั้งแต่สมัยปี 1756 ก่อนจะเริ่มมาทำด้าน optical อย่างแว่นตาโอเปรา และเลนส์ periscopic ในช่วงศตวรรษที่ 19

ต่อมาในปี 1840 ก็ได้ โจเซฟ เพทช์วอล (Josef Petzval) มาช่วยออกแบบเลนส์ Petzval ให้ ในตอนนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ฮือฮามากครับเพราะมีรูรับที่ค่อนข้างกว้างมาก ๆ (ประมาณ f/3) ก่อนชื่อ Voigtlander จะตกไปอยู่ในการดูแลของแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Cosina ตั้งแต่ปี 1999 จนถึงในปัจจุบัน

เอกลักษณ์ของเลนส์แบรนด์นี้จะมีอยู่หลัก ๆ ด้วยกัน 3 อย่าง คือ 1. เล็ก 2. ถึกทน และ 3. ความคม ประจวบเหมาะกับการถ่ายห้องนักบินที่มีพื้นที่จำกัดไม่สามารถยัดเลนส์ระดับ cinema โต ๆ ลงไปได้แบบนี้ ก็เลยถึงคิว Voigtlander นี่ล่ะครับที่ได้ออกโรงด้วยเอกลักษณ์ที่กล่าวมานี้เอง โดยคาดกันว่าเลนส์ที่ติดกับ VENICE อยู่น่าจะเป็น Voigtlander Ultron 21mm f/1.8 ที่ให้มุมภาพกว้าง และมีความไวแสงสูง เหมาะมาก ๆ สำหรับการถ่ายทำในพื้นที่แคบแบบนี้ โดย Top Gun: Maverick มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 26 พฤษภาคม 2022 

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวโหนกระแส


Wednesday, May 18, 2022

แอมเบอร์ เฮิร์ด อาจถูกตัดออกจาก Aquaman 2 ไม่เหลือสักนาที

นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังอย่าง แอมเบอร์ เฮิร์ด (Amber Heard) ที่กำลังมีคดีขึ้นศาลกับอดีตสามีอย่าง จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) ล่าสุดมีข่าวว่าเธออาจถูกตัดออกจากหนัง ‘Aquaman 2’ (Aquaman and the Lost Kingdom) ไม่เหลือสักนาที หลังก่อนหน้านี้ลือกันว่าค่ายผู้สร้างพยายามตัดบทของเธอเหลือเพียง 10 นาทีเท่านั้น

จากเรื่องราวปัญหาชีวิตคู่ต่าง ๆ ของเฮิร์ดและเดปป์ดูเหมือนว่าจะเริ่มส่งผลกับการทำงานในชีวิตจริงของพวกเขาทั้งคู่อย่างมาก อย่างที่หลายคนทราบ เดปป์สูญเสียบทนำจากหนังใหญ่หลาย ๆ เรื่อง เช่น ‘Fantastic Beasts’ กับบทกรินเดลวัลด์ และหนัง ‘Pirates of the Caribbean’ กับบทกัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ จากคดีที่เขาถูกเฮิร์ดกล่าวหาว่าเขาทุบตีเธอ

ล่าสุดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ กำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเฮิร์ดบ้าง เพราะมีข่าวลือว่าทาง วอร์เนอร์ บราเธอส์ (Warner Bros. Pictures) ได้มีการประชุมด่วนภายในเกี่ยวกับการตัดบทบาทของเฮิร์ดในหนัง ‘Aquaman 2’ แบบถาวร ซึ่งข่าวลือนี้ดูเหมือนจะมีมูลมากขึ้นกว่าเดิม หลังเฮิร์ดเพิ่งจะให้การต่อหน้าศาลเมื่อวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เกี่ยวกับความพยายามของวอร์เนอร์ที่จะบีบเธอออกจากหนัง ‘Aquaman 2’

ก่อนหน้านี้ชาวเน็ตมากกว่า 4.5 ล้านคน ร่วมกันลงชื่อถอดเฮิร์ดออกจากหนัง ‘Aquaman 2’ บนเว็บไซต์ Change.org ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้แคมเปญนี้ทำลายสถิติใหม่ของเว็บ Change.org เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่อง ‘Aquaman 2’ ได้ถูกเลื่อนฉายออกไปในปี 2023 แล้ว อนาคตของเฮิร์ดกับหนังเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป

สนับสนุนข้อมูลโดย  แนะนำหนังการ์ตูนแอนิเมชั่น

Tuesday, May 17, 2022

ลูกเลี้ยงคังคุไบฟ้องทีมสร้าง Gangubai Kathiawadi อ้างหนังบิดเบือน แม่ไม่เคยเป็นโสเภณี

ในขณะที่หนัง Gangubai Kathiawadi หรือ “หญิงแกร่งแห่งมุมไบ” กำลังเป็นกระแสนิยมอยู่ในบ้านเราขณะนี้ แต่ที่อินเดียประเทศเจ้าของหนังกลับอยู่ในสภาวะวุ่นวาย เมื่อหนังถูกฟ้องร้องจากทายาทตัวจริงของคังคุไบ ว่าหนังนำเสนอข้อมูลบิดเบือนจากความเป็นจริงทำให้ คังคุไบตัวจริงได้รับความเสื่อมเสีย

ย้อนไปตั้งแต่ธันวาคม ปี 2021 เมื่อ Pen Marudhar Entertainment บริษัทผู้สร้างได้เผยแพร่ตัวอย่างหนัง Gangubai Kathiawadi ออกมา จากนั้นไม่นาน บาบู ราฟจิ ชาห์ (Babu Ravji Shah) ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นลูกเลี้ยงของคังคุไบตัวจริง และ ภารตี หลานสาวของคังคุไบ ได้ยื่นเรื่องต่อศาลแพ่งฟ้องร้อง เอส.ฮุสเซน ไซดี (S. Hussain Zaidi) ผู้ประพันธ์หนังสือนิยาย Mafia Queens of Mumbai และเรียกร้องให้ทีมผู้สร้างหนังได้หยุดเผยแพร่ตัวอย่างหนังดังกล่าว ด้วยเหตุผลที่ชาห์อ้างว่า เนื้อหาบางตอนในนิยายนั้น หมิ่นประมาทและทำให้ชื่อเสียงของคังคุไบเสื่อมเสีย และยังเป็นการล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคลต่อมารดาผู้ล่วงลับของเขาอีกด้วย

ซึ่งประเด็นนี้นั้น ชาห์ได้แย้งเนื้อหาของนิยายและภาพยนตร์ว่า แท้จริงแล้วคังคุไบผู้เป็นแม่เลี้ยงของเขานั้น ไม่ได้เป็นโสเภณีแต่อย่างใด “แม่ของผมได้กลายเป็นโสเภณีเฉยเลย ตอนนี้ผู้คนก็เริ่มพูดถึงแม่ผมในทางไม่ดีกัน” ทนายของครอบครัวก็ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ตัวอย่างหนังเรื่องนี้ออกมา สมาชิกครอบครัวต่างก็ช็อกไปตาม ๆ กัน

แต่หลังจากศาลแพ่งได้พิจารณาคำร้องแล้ว ก็ทำการยกฟ้องด้วยเหตุผลว่า หนังสือได้ออกจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว โจทก์เพิ่งจะมาฟ้องร้องเอาเมื่อธันวาคม 2020 นี่เอง ขณะเดียวกัน เมื่อศาลร้องขอเอกสารยืนยันจากชาห์ ว่าเขาคือบุตรบุญธรรมตัวจริงเสียงจริงของคังคุไบ แต่ชาห์ก็ไม่มีเอกสารหรือหลักฐานใดที่มีผลทางกฎหมายมาแสดงต่อศาลได้ ถึงตรงนี้ผู้ประพันธ์และทีมผู้สร้างหนังก็เลยได้ที อ้างต่อศาลว่า ถ้าเป็นแบบนี้ชาห์ก็ไม่มีสิทธิตามชอบธรรมที่จะมาฟ้องร้องเอาผิดพวกเขาได้

เรื่องราวทางด้านคดีความก็เดินหน้าไป ส่วนหนัง Gangubai Kathiawadi ก็ได้ไปฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลหนังเบอร์ลิน เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ และออกฉายทั่วอินเดียในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ หนังลาโรงไปในเดือนเมษายน ทำรายได้ทั่วโลกไป 56 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างประมาณ 46 ล้านเหรียญ ก็ถือว่าทำกำไรในระดับไม่น่าพอใจนัก ปล่อยสตรีมมิงบน Netflix มาตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน และยังคงครองอันดับที่ 1 ในชาร์ต Netflix บ้านเรา ส่วนชาร์ตความนิยมของผู้ชม Netflix ทั่วโลกนั้นอยู่ในอันดับที่ 10

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวโหนกระแส

Monday, May 16, 2022

อาเลีย บาตต์ (Alia Bhatt) นางเอก คังคุไบ นักแสดงหญิงที่ค่าตัวแพงที่สุดของอินเดีย

นาทีนี้จะมีใครฮอตไปกว่า อาเลีย บาตต์  (Alia Bhatt) นักแสดงสาวชาวอินเดียผู้รับบท คังคุไบ จากภาพยนตร์มาแรง Gangubai Kathiawadi (หญิงแกร่งแห่งมุมไบ) นอกจากการแสดงสุดทรงพลัง เธอยังเป็นนางเอกที่ค่าตัวแพงที่สุดของอินเดียอีกด้วย 

อาเลีย บาตต์ (Alia Bhatt) เป็นนักแสดงชาวอังกฤษที่มีเชื้อสายอินเดีย วัย 29 ปี เกิดวันที่ 15 มีนาคม 2536 (อายุ 29 ปี) เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เธอคนนี้เรียกว่าเป็นตัวท็อปของวงการบอลลีวูด กับยอดการติดตามบนอินสตราแกรมสูงถึง 64 ล้านคน ก่อนจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลัง Gangubai Kathiawadi ติดอันดับ 1 บน Netflix หลายประเทศ รวมทั้งเธอยังเป็นนักแสดงหญิงที่มีรายได้มากที่สุดของอินเดีย ถูกจัดอันดับผู้ทรงอิทธิพลหนึ่งใน 100 Celebrity Forbes India ตั้งแต่ปี 2014 และได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งใน 30 Under 30 Forbes Asia ประจำปี 2017 อีกด้วย

ด้านรายได้ของ อาเลีย บาตต์ เธอนับว่าเป็นนักแสดงหญิงที่มีค่าตัวสูงที่สุดของอินเดีย ก่อนหน้านี้เธอได้รับค่าตัว 100 ล้านรูปี จากผลงานภาพยนตร์เรื่อง Brahamstra และหลังจากความโด่งดังของ ภาพยนตร์ Gangubai Kathiawadi ทำให้ค่าตัวเธอสูงถึง 200 ล้านรูปี หรือกว่า 90 ล้านบาท 

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวสารภาพยนตร์ รีวิวหนังดัง


Saturday, May 14, 2022

Chris Pratt เผย Jurassic World: Dominion อาจเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์

ตำนานมหากาพย์ภาพยนตร์ไดโนเสาร์เรื่องดังอย่าง ‘Jurassic Park’ ที่ถูกฉายครั้งแรกในปี 1993 ได้ดำเนินมาถึงภาคที่ 6 แล้วนั่นก็คือ ‘Jurassic World Dominion’ ซึ่งจะเข้าฉายในไทยวันที่ 8 มิถุนายนนี้

ล่าสุด คริส แพรตต์ (Chris Pratt) นักแสดงนำของเรื่องได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ The Today Show เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ‘Jurassic World Dominion’ นั้นถูกสร้างมาเพื่อเป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบของแฟรนไชส์นี้

“เป็นเวลา 30 ปีในแล้วที่มีการสร้างหนัง ‘Jurassic Park’ ซึ่งนี่เป็นภาพยนตร์ภาคที่ 6 และจะเป็นตอนจบของแฟรนไชส์นี้ คุณจะได้เห็นนักแสดงในตำนานจาก 3 ภาคแรกอย่าง แซม นีล (Sam Neill), ลอร่า เดิร์น (Laura Dern), เจฟฟ์ โกลด์บลุม (Jeff Goldblum) และนักแสดงจาก ‘Jurassic World’ มาร่วมจอด้วยกันอีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวของพวกเขาทั้งหมดจะมาบรรจบกันในตอนอวสานนี้”

แพรตต์เล่าต่ออีกว่า การทำงานร่วมกับนักแสดงดั้งเดิมของแฟรนไชส์ มันน่าเหลือเชื่อมาก ๆ เพราะตอนที่เขาได้ดู ‘Jurassic Park’ ภาคแรก ตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุเพียง 13 ปีเท่านั้น “ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะได้แสดง ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งผลงานของพวกเขาตราตรึงอยู่ในใจของผมมาตลอด และการได้ร่วมงานกับพวกเขา มันคือความฝันที่เป็นจริง” แนะนำหนังการ์ตูนแอนิเมชั่น

Friday, May 13, 2022

"แพทริค ณัฐวรรธ์" เดบิวต์งานแสดงในภาพยนตร์จีนรีเมค Delicious Romance

สมใจ เจ้าปลาดาว แฟนคลับของหนุ่มมากความสามารถ แพทริค-ณัฐวรรธ์ ฟิงค์เลอร์ หรือ แพทริค INTO1 สมาชิกบอยกรุ๊ปสัญชาติจีน ที่เดบิวต์งานแสดงภาพยนตร์จีนเรื่องแรก ทำเอาแฟนคลับติดแฮชแท็กชื่อหนุ่มแพทริคจนติดเทรนด์อันดับ 1 บททวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว และยังทำให้ #尹浩宇爱很美味开机照# ไต่ระดับติดฮอตเสิร์ชหน้าหลักของ Weibo จีนอย่างรวดเร็วด้วยยอดอ่านกว่า 6 ล้านครั้ง สมมงความปังมากแม่!

ประกาศอย่างเป็นทางการด้วยภาพการบวงสรวงเปิดกล้อง ภาพยนตร์เรื่อง 爱很美味 หรือ Delicious Romance ที่เคยถูกสร้างเป็นซีรีส์ออกอากาศทาง Tencent Video เมื่อปี 2021 ถูกหยิบมาสร้างอีกครั้งในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ กับเรื่องราวที่เล่าผ่านตัวละคร 3 หญิงงามในเมืองใหญ่เผชิญอุปสรรคต่างๆ ผ่านมุมของมิตรภาพ การงาน ความรัก ครอบครัว ที่จะพาคนดูไปเห็นการเติบโตของพวกเธอ 

แม้ยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่าบทบาทของหนุ่มแพทริครับบทเป็นตัวละครไหน แต่แว่วว่าเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญไม่น้อยเลย แฟนๆ รอติดตามกันนะจ๊ะ และรอลุ้นกันว่าเรื่องนี้จะถูกนำมาฉายในไทยหรือไม่? ต้องรอติดตามกันนะคะ 

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวสารภาพยนตร์ รีวิวหนังดัง

Thursday, May 12, 2022

มีน พีรวิชญ์ ประกบ แพจินยอง CIX ทำการบ้านหนักใน "ร้านของเก่า" ตอน "Happy Birthday"

มีน พีรวิชญ์ เป็นอีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหม่ที่มีฝีไม้ลายมือที่น่าจับตามอง เพราะเพียงเข้าสู่วงการแสดงมาไม่นานก็ทำให้ได้รับโอกาสมากมายให้ร่วมแสดงในบทต่างๆ ล่าสุดคว้ารางวัลสมทบชาย จากภาพยนตร์เรื่อง วอน(เธอ) ของคมชัดลึกอวอร์ด มาครอบครอง เป็นการการันตีฝีมือของ มีน พีรวิชญ์ ได้เป็นอย่างดี  

และอีกครั้งกับการได้รับโอกาสดีๆทางด้านการแสดง ครั้งนี้ได้มีโอกาสรับบทบาทการแสดงหนังเขย่าขวัญและได้ร่วมงานกับนักแสดงเกาหลี แพจินยอง (BAEJINYOUNG) ศิลปิน KPOP สมาชิกวง CIX จากเกาหลีใต้ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของ แพจินยอง ที่มีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกอีกด้วย

มีน พีรวิชญ์ รับบทเป็น แชมป์ ในตอน Happy Birthday “ในเรื่องผมจะต้องร่วมแสดงกับ แพจินยอง (BAEJINYOUNG) เป็นหลัก และก่อนหน้าที่ผมจะตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ผมเตรียมความพร้อมมามากเพราะผมรู้ว่า เราต้องทำให้เต็มที การแสดงกับนักแสดงต่างชาติผมรู้ว่าไม่ง่าย และอีกอย่างเรื่องนี้ ก็มีต้องพูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษต้องเตรียมคาแรคเตอร์ในการแสดงและนอกจาก แพจินยอง (BAEJINYOUNG) ก็ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับ น้องกัน (เสฐพงษ์ เอวสุข)และ น้องนิว (ชยภัค ตันประยูร) ที่ในเรื่องต้องรับบทเป็นเพื่อนกัน และ ยังมีน้องยี่หวา (ด.ญ.ณัฐภัสสร จันทร์เจริญ) ลูกสาวพี่โจ๊ก โซคูล มาร่วมเล่นด้วยกันอีกด้วยเรื่องนี้บรรยากาศการถ่ายทำสนุกมากทีมงานและเพื่อนนักแสดงทุกคนเป็นกันเองมาก อยากให้ทุกคนได้ชมภาพยนตร์เรื่อง ร้านของเก่า เรื่องนี้ผมเต็มที่ตั้งใจมากๆคอหนังเขย่าขวัญไม่ควรพลาดนะครับ” มีน กล่าว

ด้าน แพจินยอง ถึงแม้จะเป็นการแสดงครั้งแรกแต่ก็ถือว่าสอบผ่าน “ในเรื่องนี้ผมรับบทเป็น ซง ครับ เรื่องราวเริ่มต้นจากซงชวนเพื่อนสมัยมัธยมมางานวันเกิดที่บ้าน หนังเรื่องนี้เป็นหนัง เขย่าขวัญ ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับคนเก่งๆมากมาย โดยเฉพาะครั้งนี้เป็นการถ่ายทำนอกประเทศและทีมงานต่างประเทศครั้งแรกของผม ดังนั้นผมจึงมีความไม่คุ้นชินและกดดันตัวเองค่อนข้างเยอะ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ทำการงานกับทีมงานและนักแสดงหลายๆท่านครับ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของการถ่ายทำมากครับ” แพจินยอง กล่าว

ร้านของเก่า The Antique Shop กำกับการแสดงโดย ศุภกร เหรียญสุวรรณ นำแสดงโดย พิจิกา จิตตะปุตตะ, พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร,ชยภัค ตันประยูร,เสฐพงษ์ เอวสุข,ภคชนก์ โวอ่อนศรี นักแสดงจากประเทศไทย, Xu Bin (ชูบิง), Damien Teo (เดเมี่ยน ทิโอ), Aloysius Pang (อรอยเชียส แปง) นักแสดงจากสิงคโปร์, Rio Dewanto (ริโอ ดิวันโต้) นักแสดงจาก อินโดนีเซีย และ BAEJINYOUNG (แพจินยอง) นักแสดงจากเกาหลีใต้ เศษเสี้ยวของความทรงจำ เก็บเอาไว้ในที่แห่งนี้ 2 มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ ข่าวโหนกระแส

Wednesday, May 11, 2022

อลิซาเบธ โอลเซ่น คิดว่า Scarlet Witch เป็นอเวนเจอร์ที่มีพลังมากที่สุดในจักรวาล MCU

อลิซาเบธ โอลเซ่น (Elizabeth Olsen) ผู้รับบท Wanda Maximoff หรือ Scarlet Witch ใน ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ ได้ตอบคำถามที่ว่า ใครจะชนะถ้า Doctor Strange (รับบทโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์) ต้องมาต่อสู้กับ Scarlet Witch โดยเธอกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่าตัวละคร Scarlet Witch นั้น เป็นอเวนเจอร์สที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe)

“ฉันคิดว่า Wanda สามารถเอาชนะทุกคนได้ ศัตรูตัวฉกาจจที่สุดของเธอก็คือตัวเธอเอง ซึ่งเธอมักเลือกที่จะถ่อยห่างออกจากบางสิ่งเสริม ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่ทรงพลังที่สุดใน MCU” Wanda Maximoff หรือ Scarlet Witch นั้น ได้รับการเปิดเผยถึงเบื้องลึกของจิตใจที่บอบช้ำอย่างรุนแรงจนทำให้เธอแสดงพลังอันมหาศาลที่แท้จริงออกมาในซีรีส์ ‘WandaVision’ และเธอก็ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญในภาพยนตร์ ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ ที่ผลักดันให้ MCU เข้าสู่เส้นเรื่อง Multiverse โดยสมบูรณ์ ภายหลังจากเกริ่นถึงประเด็นของ Multiverse มาก่อนบ้างแล้วในซีรีส์ ‘WandaVision’ และภาพยนตร์ ‘Spider-Man: No Way Home’

หลังจากที่โอลเซ่นได้ปรากฏตัวในบท Wanda Maximoff ครั้งแรกใน ‘Avengers: Age of Ultron’ (2015) ก็เห็นได้ว่าตัวละครนี้เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังเห็นได้จาก ‘Captain America: Civil War’ (2016), ‘Avengers: Infinity War’ (2018) และ ‘Avengers: End Game’ (2019) จนกระทั่งในซีรีส์ ‘WandaVision’ ที่เปิดโอกาสให้โอลเซ่นได้ฉายเสน่ห์ของเธออย่างเต็มที่

สนับสนุนข้อมูลโดย ข่าวสารภาพยนตร์ รีวิวหนังดัง


ออสการ์ 2023: “มิเชล โหย่ว” ผู้หญิงเอเชียคนแรกที่ได้รางวัลนักแสดงนำหญิง

มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับเวทีออสการ์ ด้วยการเป็นนักแสดงเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้รางวัลนักแสดงนำหญิงบนเวที...